Social Icons

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สุขภาพอินเทรนด์ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สุขภาพอินเทรนด์ แสดงบทความทั้งหมด

วันพฤหัสบดีที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ผิวสวยด้วยการออกกำลังกาย



การออกกำลังกายคือวิธีที่ดีที่สุดในการนำออกซิเจนเข้าสู่เซลล์ต่าง ๆ ของร่างกาย ยิ่งร่างกายได้รับออกซิเจนมากขึ้นเพียงใด ก็จะยิ่งช่วยต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระได้มากขึ้นเท่านั้น การออกกำลังกายจึงช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ได้ดี ส่งผลให้ผิวพรรณสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เริ่มดูแลตัวคุณเองให้ผิวสวยใส พร้อมร่างกายที่แข็งแรง และอีกหลายหลายเคล็ดลับ ที่จะช่วยเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

การออกกำลังกายมีหลายแบบตามแต่ความถนัดของแต่ละบุคคล อาทิ คนที่ชอบการออกกำลังกายแบบเร็วๆ อย่างแอโรบิก ที่ช่วยสร้างความอึดแก่ร่างกายและกระตุ้นระบบไหลเวียนให้ดีขึ้นจากจังหวะเต้นของหัวใจที่เพิ่มขึ้น ทำให้เลือดไหลเวียนไปทั่วร่างกายได้เร็วขึ้น นำพาสารอาหารที่ดีไปสู่เซลล์ผิว ช่วยให้ผิวสดใสตามมา นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขจัดสารพิษออกจากผิวได้เป็นอย่างดี การสูญเสียเหงื่อขณะออกกำลังกายเป็นการช่วยทำความสะอาดรูขุมขนที่อุดตันได้อย่างยอดเยี่ยม และอย่าลืมใช้ผ้าขนหนูซับเหงื่อให้ผิวสะอาดหลังการออกกำลังกายแต่ละครั้ง

ส่วนคนที่นิยมการออกกำลังกายแบบช้าๆ เน้นการกำหนดลมหายใจเข้าออกที่ถูกวิธีอย่างโยคะ ยิ่งช่วยเสริมให้ผิวสดใสได้อย่างเห็นผลทันตา เพราะท่าโยคะที่เป็นการเคลื่อนไหวทุกส่วนของร่างกายอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้ระบบไหลเวียนของร่ายกายทำงานอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะบางท่าที่ช่วยให้หน้าใสได้อย่างเหลือเชื่อ ลองทำตามดูง่ายๆ ด้วยการยืนตรงให้เท้าชิดกัน จากนั้นให้ก้มตัวลงให้ต่ำที่สุด และพยายามก้มศีรษะให้ชิดหัวเข่าเท่าที่จะทำได้ นิ่งค้างไว้ นับ 1 ถึง 30 ในใจ ท่านี้จะช่วยให้เลือดไหลเวียนทั่วใบหน้าและหนังศีรษะ ช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิว และช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดสิวได้เป็นอย่างดี 

ยังมีความลับอีกข้อที่หญิงสาวหลายคนอาจยังไม่รู้ คือ การออกกำลังกายเป็นการช่วยเพิ่มคอลลาเจนแก่ผิวได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งคอลลาเจนคือส่วนประกอบหลักที่ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ ช่วยปกป้องผิวจากรอยเหี่ยวย่นและริ้วรอยก่อนวัยอันควร ดังนั้น แค่ลงมือออกกำลังกายทุกวัน สาวๆ ก็แทบจะไม่ต้องเสียเวลาเข้าสถานเสริมความงามหรือซื้อครีมราคาแพงมาประทินโฉมเพื่อเพิ่มคอลลาเจนแก่ผิวอีกต่อไป

อีกหนึ่งคุณประโยชน์ที่น่าทึ่งของการออกกำลังกายคือ ช่วยฟื้นฟูผิวที่มีแนวโน้มเป็นสิวได้ดี เพราะการออกกำลังกายถือเป็นการช่วยลดความเครียด ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิว เมื่อผู้หญิงตกอยู่ภายใต้ความเครียด ต่อมหมวกไตจะผลิตฮอร์โมนเพศชายออกมามาก เป็นสาเหตุให้เกิดรอยคล้ำและรูขุมขนอุดตันได้

นอกเหนือไปจากเรื่องของการออกกำลังกายเพื่อผิวสวยแล้ว ยังมีอีกหลายหลากกิจกรรมที่ต้องทำควบคู่กันไปในแต่ละวันเพื่อให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งอย่างยั่งยืน ได้แก่ การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะร่างกายของคนเรานั้นมีความสามารถในการซ่อมแซมตัวเอง ช่วงเวลาการนอนหลับที่ดีที่สุดที่ร่างกายจะทำการซ่อมแซมทุกระบบในร่างกาย ควรเข้านอนในช่วง 4 ทุ่ม และต้องหลับสนิทเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 6-8 ชม. อีกหนึ่งเคล็ดลับที่จะทำให้การนอนของคุณเกิดประโยชน์สูงสุดคือ ก่อนเข้านอนสัก 1-2 ชั่วโมง ให้ทานนมอุ่นๆ สักแก้ว อาจเป็นนมถั่วเหลืองที่ผสมธัญพืช เพื่อเพิ่มใยอาหารให้คุณไม่หิวช่วงกลางดึก และพร้อมสำหรับการขับถ่ายของเสียต่างๆ ออกจากร่างกายในตอนเช้า เหลือไว้เพียงสารอาหารดีๆ ที่ทำให้ผิวพรรณของคุณดูสดใส ที่สำคัญคือ ควรมีจิตใจที่เบิกบานไร้กังวลอยู่เสมอ เพื่อให้ความรู้สึกสดใสภายในช่วยผลักดันกระบวนการทำงานของร่างกายให้ทำงานอย่างทรงประสิทธิภาพสูงสุด เผยสู่ผิวภายนอกอย่างเปล่งประกาย

วันพุธที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556

Floating Yoga เทรนด์ใหม่สำหรับคนรักสุขภาพ



การออกกำลังกายที่ช่วยยืดกล้ามเนื้อและผ่อนคลายความตึงเครียดได้ดี และเป็นที่นิยมของสาวๆ นาทีนี้คงหนีไม่พ้นโยคะ เพราะนอกจากจะช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังช่วยรักษาสมดุลต่างๆในร่างกายได้อย่างดี ทั้งกล้ามเนื้อ กระดูก ระบบย่อย การไหลเวียนโลหิต ฯลฯ รวมถึงการฝึกหายใจและสมาธิ เรียกว่าได้ความแข็งแรงของร่างกายและจิตใจเลยทีเดียว

ปัจจุบัน โยคะเป็นทางเลือกในการออกกำลังกายที่ได้รับความนิยมอย่างมาก มีการดัดแปลง สร้างสรรค์โยคะในรูปแบบใหม่ๆมากมาย เช่น โยคะร้อน เป็นต้น และเทรนด์ใหม่ล่าสุดที่กำลังมาแรงในตอนนี้ก็คือ Floating Yoga ซึ่งเปลี่ยนรูปแบบการเล่นโยคะจากบนพื้น มาเป็นการเล่นโยคะที่ลอยตัวลงมาจากเพดาน คล้ายกับนักกายกรรมโหนเชือกแทน

Floating Yoga คือการออกกำลังกายที่ใช้การทรงตัวกลางอากาศ เท้าของผู้เล่นจะพาดบนเชือกหรือผ้าที่ห้อยลงมาจากเพดาน และทำท่าหรือฝึกหายใจแบบโยคะที่ฝึกบนพื้น John J. Sweeney ผู้คิดค้นโยคะแบบใหม่นี้ กล่าวว่า “Floating Yoga เป็นการผสมผสานเทคนิคต่างๆที่จะช่วยผ่อนคลายกระดูกและข้อต่อต่างๆ รวมถึงช่วยจัดระเบียบร่างกายได้ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ซึ่งจะช่วยให้สุขภาพของผู้เล่นแข็งแรงขึ้น และได้ออกกำลังกายในแบบที่แตกต่าง สร้างสรรค์ และสนุกมากขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งโยคะแบบเดิม บางท่านั้นค่อนข้างยากสำหรับมือใหม่ หรือสำหรับมือเก๋าก็อาจจะน่าเบื่อไปแล้ว ดังนั้น Floating Yoga นั้นจึงเหมาะสำหรับทุกๆคนนั่นเอง”

Floating Yoga นี้กำลังเป็นที่นิยมในประเทศสิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย เป็นอย่างมาก และกำลังเริ่มเป็นที่นิยมในประเทศอินเดียด้วย ส่วนในประเทศไทยนั้น ตอนนี้อาจจะยังไม่เป็นที่รู้จักนัก แต่เชื่อว่าอีกไม่นาน สาวๆผู้รักสุขภาพคงจะได้ลิ้มลองการออกกำลังกายแนวใหม่แบบนี้เป็นแน่

และไม่ว่าผู้รักการออกกำลังกายทุกคนจะชอบการออกกำลังแบบไหน ก็อย่ามัวแต่เพลินกับการออกกำลังกายเพียงอย่างเดียว จนลืมดื่มน้ำนะคะ เพราะน้ำจะช่วยลดอุณหภูมิในร่างกายให้เย็นลง ช่วยลำเลียงอาหารและออกซิเจนเข้าสู่เซลล์และระบายของเสีย รวมถึงช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี ดังนั้นระหว่างการรออกกำลังกายที่ร่างกายเรามักจะเสียน้ำจากการเสียเหงื่อ จึงต้องเตรียมน้ำดื่มเย็นๆ สะอาดๆใส่ขวดไว้ใกล้ๆมือ เพื่อใช้จิบทั้งก่อน ระหว่าง และหลังออกกำลังกาย ร่างกายจะได้ไม่เกิดภาวะขาดน้ำจนช็อกและเป็นตะคริวค่ะ

วันอังคารที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2556

Super Foods 5 ชนิดพิชิตความแก่



นอกจากการรับประทานให้หลากหลาย และเหมาะสมตามความต้องการของร่างกายแล้ว การเลือกรับประทานอาหารที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพและป้องกันโรคเมื่ออายุมากขึ้น นอกเหนือจากสารอาหารพื้นฐานที่ร่างกายต้องการ กลายเป็นสิ่งที่หลายๆ คนเริ่มสนใจ มาดูกันว่าอาหารที่คนเริ่มเข้าวัยทอง โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ควรเลือกรับประทานเป็นประจำ มีอะไรบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ

เต้าหู้ และผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง 
โปรตีนคุณภาพสูงจากพืชอย่าถั่วเหลืองสามารถใช้แทนเนื้อสัตว์ได้เป็นอย่างดีค่ะ แถมไม่มีโคเลสเตอรอล นอกจากนี้ยังมีสารไฟโตเอสโตรเจนที่ช่วยลดอาการของหญิงวัยหมดประจำเดือน เช่น ร้อนวูบวาบ อารมณ์แปรปรวนได้อีกด้วยค่ะ

ถั่วเมล็ดแห้ง
ไม่ว่าจะเป็น ถั่วเขียว ถั่วแดง ถั่วดำ ก็จัดเป็นแหล่งอาหารที่ให้ใยอาหารสูง โดยเฉพาะใยอาหารชนิดที่ละลายน้ำได้ ซึ่งมีรายงานการวิจัยว่า ใยอาหารนั้นช่วยลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ และที่สำคัญเราควรได้รับใยอาหารไม่น้อยกว่า 25 กรัมต่อวัน นอกจากนี้ในถั่วดำยังมีแมกนีเซียมที่เป็นส่วนประกอบของกระดูกเช่นกันค่ะ

ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่
เช่น บลูเบอร์รี่ จัดอยู่ในกลุ่มที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงอันดับต้นๆ ช่วยลดริ้วรอยที่เกิดจากการเสื่อมสลายของเซลล์ ทั้งยังมีการวิจัยหลายแห่งที่ระบุว่า อาจช่วยลดความจำเสื่อมระยะสั้นได้ด้วยค่ะ

โยเกิร์ตชนิดไขมันต่ำ
โยเกิร์ตชนิดไขมันต่ำมีแคลเซียมและโพแทสเซียมเช่นเดียวกับนม แคลเซียมช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน ส่วนโพแทสเซียมนั้น ช่วยควบคุมความดันโลหิต ที่สำคัญ โยเกิร์ตยังประกอบด้วยจุลินทรีย์สุขภาพที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยในระบบทางเดินอาหาร และการขับถ่ายให้เป็นปกติ

น้ำมันมะกอก
น้ำมันมะกอกมีไขมันชนิดดี ประกอบด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวในปริมาณมาก ช่วยลดปริมาณโคเลสเตอรอลตัวร้ายในร่างกายอีกด้วยค่ะ

นอกจากการเลือกกินอย่างถูกต้อง พิถีพิถันแล้ว สิ่งสำคัญที่ต้องทำควบคู่กันไปคือ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พร้อมทำจิตใจให้เบิกบานแจ่มใส และนอนหลับให้เพียงพอ เพียงเท่านี้ก็จะช่วยชะลอความแก่ก่อนวัย คงความสวย อ่อนเยาว์ให้อยู่กับคุณไปอีกนานค่ะ

วันศุกร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

กินอาหาร ให้เหมาะกับการออกกำลังกาย


กินอาหาร ให้เหมาะกับการออกกำลังกาย

พลังกายหรือพลังงานจากอาหารที่เรากินเข้าไปนั้น ร่างกายของนักกีฬาจะดึงพลังงานออกมาใช้ ได้ ขึ้นอยู่กับการออกกำลังกายหรือกีฬาที่เล่น พลังงานที่ใช้ก็จะแตกต่างกันออกไปตามแต่ละประเภทของกีฬา

การออกกำลังกายประเภท ยกน้ำหนัก ขว้างจักร วิ่ง - ว่ายน้ำ 100 เมตร เป็นการใช้พลังงานเร่งด่วนและ ระยะสั้น แหล่งพลังงานจะมาจากสารอาหารที่อยู่ในกระแสเลือด และใช้พลังงานที่ได้จากการหด - คลายของกล้ามเนื้อ ทำให้นักกีฬาเกิดอาการเมื่อยล้า เป็นลมได้ ถ้าหากมีการออกกำลังกายต่อ เพราะที่กล้ามเนื้อมีสารอาหารที่เรียกว่า ไกลโคเจน (Glycogen) สะสมไว้ไม่เพียงพอแก่การดึงมาใช้งาน

ส่วนการใช้พลังงานที่ติดต่อกันเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 20 นาที เช่น เตะฟุตบอล เล่นเทนนิส ตีปิงปอง เล่นวอลเล่ย์บอล ฯลฯ ก็จำเป็นต้องมีการสะสมพลังงานสำรองไว้ที่กล้ามเนื้อให้เต็มที่ จากนั้นจะใช้พลังงานจากไขมันและโปรตีนเป็นแหล่งพลังงานต่อถ้าไม่พอ จึงอดนึกถึงกลุ่มที่ออกกำลังกายเพื่อ ลดน้ำหนักไม่ได้ กลุ่มนี้ถ้าต้องการลดน้ำหนักจริง ๆ ต้องจำกัดอาหารและออกกำลังกายติดต่อกันไม่น้อยกว่า 20 นาที จุดมุ่งหมายเพื่อนำไขมันที่สะสมมาใช้นั่นเอง


วันเสาร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เตือนสาวสวยอยากสวยเล็บปลอมพิษภัยเยอะ



เตือนสาวสวยอยากสวยเล็บปลอมพิษภัยเยอะ

สาวรักสวยที่นิยมต่อเล็บปลอม เพื่อความเด่นตรงปลายนิ้วมีอันต้องผงะ เพราะผลการตรวจจากห้องแล็บของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์  กระทรวงสาธารณสุขพบว่า จากการตรวจกาวที่ใช้ติดจำนวน  23 ตัวอย่าง พบสารเคมีอันตรายชนิด เอธิล ทู ไซยา โนอะคริเลต ถึง 21 ตัวอย่าง ซึ่งมีปริมาณถึงร้อยละ 0.22 – 99 ในส่วนผสมเลยทีเดียว หากใช้แบบไม่ระมัดระวังโดยไม่มีเครื่องป้องกันอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อเยื่อบุตา ระบบทางเดินหายใจและเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรงได้
                มีคำเตือนจาก นพ.นิพนธ์ โพธิ์พัฒนชัย อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ว่า การต่อเล็บปลอมที่นิยมในประเทศไทยในขณะนี้ มีอยู่ด้วยด้วยกัน 2 ชนิค คือ 1.เล็บปลอมที่ทำขึ้นจากสารเคมี ไม่มีลวดลาย  ต้องทำที่ร้านทำเล็บ โดยผู้ที่ผ่านการอบรมในการเขียนรูป การขึ้นรูปซึ่งจะมีราคาแพง ชนิดที่ 2 คือ เล็บปลอมที่ทำจากพลาสติก ส่วนใหญ่จะมีลวดลายอยู่แล้วราคาไม่แพงสามารถหาซื้อได้จากร้านค้าทั่วไป และชนิดนี้มักเป็นที่นิยมของสาวๆ เพราะสามารถทำได้ด้วยตนเองเพียงการนำเล็บปลอมมาติดกับเล็บจริง โดยใช้กาวเป็นตัวเชื่อมติด
                การใช้กาวติดด้วยตนเองแบบไม่ระมัดระวัง หรือไม่มีเครื่องป้องกัน เช่น ถุงมือผ้าปิดจมูก หมอชี้ว่าอาจเกิดอันตรายต่อผู้ใช้ได้ เนื่องจากกาวที่ใช้เชื่อมติดเป็นชนิด เอธิล ทู ไซยาโนอะคริเลต เป็นสารที่ใช้ยึดติดแบบแห้งเร็ว หรือรู้จักกันในชื่อ ซูเปอร์กลู เป็นส่วนประกอบหลัก  ซึ่งอาจทำผู้สัมผัสสารนี้เกิดอาการแพ้ได้ โดยเฉพาะผู้ที่ไวต่อสารเคมีและไอระเหย และยังทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเยื่อบุตาและทางเดินหายใจ หากแพ้มากๆอาจมีอาการช็อกร่วมด้วย
                อย่างไรก็ตาม  สารเคมีเมื่อมีคุณอนันต์ก็มีโทษมหันต์  ขึ้นอยู่กับว่าตัวผู้ใช้เองรู้เท่าทันวิธีการใช้อย่างไรให้ปลอดภัย หากใช้ไม่ถูกวิธีสารเคมีและโรคร้ายสารพัดจะตามมาหลอกหลอนคุณอย่างคาดไม่ถึง
สวยแบบไหนปลอดภัยไรกังวล
            สำหรับข้อควรระมัดระวังในการติดเล็บปลอมไม่ว่าจะทำเองที่บ้านหรือที่ร้าน  หมอแนะนำสิ่งแรกต้องคำนึงถึง ความสะอาด การหมักหมม ของสิ่งสกปรกและเชื้อโรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเล็บปลอมที่หลุดออกแล้วนำมาติดทับใหม่  โดยไม่ทำความสะอาด   เชื้อราและเชื้อแบคทีเรียอาจเจริญเติบโตระหว่างชั้นเล็บทำให้ผิวหนังอักเสบได้
                ดังนั้นผู้ให้บริการควรหมั่นดูแลรักษาความสะอาดเครื่องมือและอุปกรณ์เป็นประจำ  จะเป็นการช่วยป้องกันเชื้อโรคได้อีกทางหนึ่ง  และขณะต่อเล็บทั้งผู้ให้บริการและผู้รับบริการควรใช้ผ้าปิดจมูกเพื่อป้องกันการสูดดมสารเคมีโดยตรง


วันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ถ้วย จาน ชามพลาสติกด้อยคุณภาพเสี่ยงได้รับสารก่อมะเร็ง


ถ้วย จาน ชามพลาสติกด้อยคุณภาพเสี่ยงได้รับสารก่อมะเร็ง

    กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขสำรวจความปลอดภัยของภาชนะใส่อาหารประเภทถ้วย จาน ชามพลาสติกที่จำหน่ายตามตลาดนัด หาบเร่ แผงลอย ร้านค้าส่งและปลีกราคาต่อหน่วย 5-29 บาท ตรวจพบสารฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง ชี้สารดังกล่าวแพร่กระจายออกมาได้ตามอุณหภูมิการใช้งานยิ่งอุณหภูมิสูงยิ่งออกมามาก โดยเฉพาะอาหารที่มีความเป็นกรดและความร้อนสูง เผยยังไม่มีกฎหมายหรือมาตรการควบคุม รวมทั้งไม่มีหน่วยงานกำกับดูแลด้านความปลอดภัย แนะผู้บริโภคเลือกซื้อภาชนะประเภทนี้ที่ผ่านการตรวจหรือมีเครื่องหมายรับรองคุณภาพ ฉลากรายละเอียดชนิดวัสดุ ข้อกำหนดการใช้งาน และแหล่งผลิตที่เชื่อถือได้

       กล่าวเตือนผู้บริโภคให้ระมัดระวังความปลอดภัยจากการใช้ภาชนะใส่อาหารประเภทถ้วย จาน ชามราคาถูกที่ทำด้วยพลาสติก รูปแบบ สีสันสวยงาม มีวางจำหน่ายทั่วไป ตามตลาดนัด หาบเร่แผงลอย แม้แต่ร้านค้าย่อยในห้างสรรพสินค้า สินค้าเหล่านี้แม้จะมีฉลาก แต่บางผลิตภัณฑ์ ไม่แจ้งชนิดของพลาสติก บอกเพียงว่าเป็นพลาสติก บางผลิตภัณฑ์แจ้งว่าเป็นเมลามีน (Melamine) มีทั้งบอกและไม่บอกแหล่งผลิต ไม่บ่งบอกสัญลักษณ์หรือเครื่องหมายรับรองความปลอดภัยในการใช้บรรจุอาหารได้ อีกทั้งสินค้าราคาถูกเหล่านี้นำเข้ามาจำหน่ายจากต่างประเทศ โดยไม่มีการตรวจสอบ จึงมีความเสี่ยงในการนำไปใช้งาน เพราะเมื่อนำไปใช้ต้องมีการใส่อาหารทั้งร้อนและเย็น ซึ่งอาจทำให้มีการแพร่กระจายออกมาของสารเคมีได้ โดยเฉพาะฟอร์มาลดีไฮด์ ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง 

        ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายหรือมาตรการควบคุมภาชนะประเภทยูเรีย-ฟอร์มาลดีไฮด์ หรือเมลามีนปลอม และไม่มีหน่วยงานที่รับผิดชอบกำกับดูแลด้านความปลอดภัยสินค้าเหล่านี้ จากการสำรวจวิจัยครั้งนี้พบว่าภาชนะที่ทำด้วยยูเรีย-ฟอร์มาลดีไฮด์ หรือเมลามีนปลอม มีการนำเข้ามาจากต่างประเทศ มีวางจำหน่ายทั่วไป ราคาถูก ตรวจพบฟอร์มาลดีไฮด์ ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งแพร่ออกมาได้ตามอุณหภูมิการใช้งาน ยิ่งใช้งานที่อุณหภูมิสูงจะมีฟอร์มาลดีไฮด์ออกมาปริมาณมาก โดยเฉพาะถ้าอาหารนั้นมีความเป็นกรดและความร้อนสูง 

       ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค ควรสังเกตและเลือกซื้อภาชนะถ้วย จาน พลาสติกที่มีฉลากกำกับให้รายละเอียดชนิดของวัสดุ ข้อกำหนดการใช้งาน มีแหล่งผลิตที่เชื่อถือได้ และที่สำคัญคือภาชนะเหล่านี้ต้องที่ได้รับการรับรองหรือมีตราเครื่องหมายการรับรองคุณภาพมาตรฐานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นการยืนยันได้ในระดับหนึ่งว่า สินค้าเหล่านั้นได้ผ่านการตรวจสอบคุณภาพว่าได้มาตรฐาน และควรปฏิบัติตามคำเตือนที่ผู้ผลิตแจ้งไว้ เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายจากการได้รับสารฟอร์มาลดีไฮด์


ออกกำลังกายอย่างไรเรียกว่า “พอดี”


ออกกำลังกายอย่างไรเรียกว่า “พอดี”

ไม่ว่าคุณพ่อคุณแม่จะชวนคุณลูกไปทำกิจกรรมวิ่งจ้อกกิ้งรอบหมู่บ้านตอนเย็นๆ เต้นแอโรบิกในสวนสาธารณะ ว่ายน้ำที่คลับเฮาส์ หรือจะเข้าฟิตเนส เพื่อความสนุกสนาน ร่างกายแข็งแรง แล้วยังกระชับความรักความสัมพันธ์ในครอบครัวไปด้วย... แต่คุณรู้หรือไม่ว่าการออกกำลังกายให้เหมาะสมพอดีกับแต่ละคน เราจะรู้ได้อย่างไรกันล่ะ??

       ยังมีใครอีกหลายๆ คนเข้าใจผิดเกี่ยวกับความพอดีในการออกกำลังกายอยู่ โดยคิดว่านานๆ ครั้งได้ออกกำลังกายที จึงหักโหมออกกำลังกายอย่างหนัก เพราะคิดว่าจะชดเชยกับที่ห่างหายไปนาน แบบนี้เรียกว่าไม่สมดุลและกลับจะทำให้เกิดผลเสียกับสุขภาพมากกว่าผลดีเสียอีก เรามาดูวิธีที่ถูกต้องกันค่ะ

    ออกกำลังกายให้พอดีช่วยเสริมภูมิคุ้มกันแข็งแรง
       การออกกำลังกายที่เหมาะสม ควรทำอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำทุกวัน หรืออย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน วันละ 30 นาที ดีกว่าออกกำลังกายสัปดาห์ละ 1-2 วัน หรือนานๆ ครั้ง ครั้งละหนักๆ นานๆ การออกกำลังกายที่ถูกต้องจะมีผลดีต่อการทำงานของหัวใจและอวัยวะต่างๆ หากนานๆ ออกกำลังทีจะไม่ได้รับผลอย่างที่ควร หรือหากทิ้งช่วงการออกกำลังกายนานเกิน 3 สัปดาห์ ผลดีต่อสุขภาพที่เคยสะสมไว้ก็จะสูญไปด้วย ต้องกลับมาเริ่มต้นฮึดออกกำลังกายกันใหม่ ความสม่ำเสมอในการออกกำลังกาย จะเป็นการเสริมภูมิคุ้มกันร่างกายให้ป้องกันโรคได้ดียิ่งขึ้น ตรงกันข้าม ถ้าออกกำลังกายหนักๆ และนานกว่า 1 ชั่วโมงขึ้นไป กลับจะทำให้ภูมิต้านทานอ่อนแอลง นี่คือเหตุผลว่าทำไมบางคนคิดว่าตัวเองออกกำลังกายยิ่งหนัก แทนที่จะยิ่งแข็งแรงแต่กลับยิ่งป่วยบ่อยกว่าคนที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอในระดับพอเหมาะ ความพอดีนั้นมีหลักการง่ายๆ คือ ถ้าหากเราเริ่มรู้สึกว่าเหนื่อยแล้ว ให้ต่อเวลาการออกกำลังกายไปอีกนิดแล้วค่อยๆ ลดระดับความเร็วลงก่อนหยุด เพื่อให้ร่างกายค่อยๆ บอกกับตัวเองว่าจะหยุดแล้วนะ!! 

    กล้ามเนื้อแข็งแกร่ง
      การออกกำลังกายสม่ำเสมอเป็นประจำจะช่วยพัฒนาสมรรถภาพของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นให้แข็งแกร่ง ทำให้ออกกำลังกายได้ทนทานนานขึ้นโดยไม่เจ็บปวดง่าย แต่การออกกำลังกายหนักหักโหมครั้งเดียว หรือนานๆ ออกกำลังกายทีอาจจะทำให้กล้ามเนื้ออ่อนล้าได้ง่าย เกิดการบาดเจ็บอักเสบได้ง่ายกว่า ฉะนั้นในช่วงแรกของการออกกำลังกายเราจึงควรค่อยๆ เพิ่มความเร็วหรือความหนักไปก่อน และต้องระลึกไว้เสมอว่า ก่อนและหลังออกกำลังกายทุกครั้งควรยืดเส้นยืดสาย เพื่อเป็นการเตรียมร่างกาย และเป็นการยืดคลายกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ จะช่วยลดอาการบาดเจ็บระหว่างและหลังการออกกำลังกายค่ะ 

    หัวใจฟิต
       หัวใจคนปกติที่แข็งแรงในช่วงเวลาออกกำลังกายจะเต้นได้สูงสุดถึง 220 ครั้งต่อนาที ขึ้นกับอายุและความหนักเบาของชนิดการออกกำลังกาย ดังนั้นอัตราเต้นของหัวใจที่พอเหมาะและให้ผลดีต่อสุขภาพเต็มที่ยามเมื่อเราออกกำลังกาย คือหัวใจเต้นเร็วขึ้นจากปกติ 70% ของอัตราเต้นสูงสุดของหัวใจตามอายุ ให้คำนวณจากสูตร (220-อายุ) x 70 % = จำนวนครั้งต่อนาที ตัวอย่างเช่น หากคุณอายุ 40 อัตราเต้นของหัวใจที่ให้ผลดีเมื่อออกกำลังกาย คือ (220-40) x 70% = 126 ครั้งต่อนาทีจะให้ผลดีเยี่ยมกับร่างกาย แต่ถ้าอัตราหัวใจเต้นมากกว่านี้ ขอบอกว่าเข้าขั้นอันตรายกรุณาชะลอการออกกำลังกายลงจะดีกว่าเพราะร่างกายกำลังทำงานหนักเกินไป

       เมื่อคุณและครอบครัวเริ่มต้นออกกำลังกายอย่างพอเหมาะพอดีกันแล้ว ต้องขอบอกว่าผลที่ได้ขอให้ใจเย็นๆ ค่ะอย่างเช่น คาดหวังว่าน้ำหนักตัวต้องลดลง วิ่งได้เร็วและนานขึ้นนั้น ซึ่งการจะเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ดีชัดเจนขึ้นอาจต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 4 – 8 สัปดาห์นะคะ ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายแต่ละคน แต่สิ่งที่สามารถเห็นได้ทันทีเมื่อออกกำลังกายจนเหนื่อยแล้วก็คือ คุณจะรู้สึกเบาสบายตัว กระฉับกระเฉงขึ้น มีพลังกายและพลังใจ หายเครียด 

      การออกกำลังกายอย่างถูกต้องจึงเท่ากับเป็นการปรับสมดุลเสริมเกราะให้ทั้งสุขภาพกายและใจกันเลยทีเดียว 


ความต่างระหว่าง "น้ำมันปลา" กับ "น้ำมันตับปลา"


ความต่างระหว่าง "น้ำมันปลา" กับ "น้ำมันตับปลา"

  หลายคนคงทราบมาก่อนแล้วว่าน้ำมันปลามีกรดไมขัน โอเมก้า-3 ซึ่งเป็นกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย เพราะร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ น้ำมันปลามีอยู่ในจำพวกอาหารทะเล อาทิ ปลาอินทรีย์ ปลาทู ทูน่า หอยนางลม กุ้งฝอย เป็นต้น

      น้ำมันปลากับโรคหัวใจและหลอดเลือด
      ชาวเอสกิโมที่อาศัยอยู่ในแถบหมู่เกาะกรีนแลนด์มีอุบัติการณ์ของการเกิดโรคหัวใจและข้ออักเสบต่ำ ทั้งๆ ที่กลุ่มคนเหล้านี้มีการบริโภคไขมันปลาในปริมาณสูง ภายหลังมมีการค้นพบว่าไขมันปลาที่ชาวเอสกิโมบริโภคอยู่นั้นประกอบไปด้วย โอเมก้า 3 ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไขมันในเลือดสูง และโรคความดันโลหิต

      น้ำมันปลากับการบำรุงสมอง
      เนื่องจากดีเอชเอ (DHA) เป็นส่วนประกอบหนึ่งของเนื้อเยื่อสมอง น้ำมันปลาจึงมีผลต่อหน้าที่การทำงานของสมองหรือแม้แต่การสร้างสารสื่อนำประสาทในสมอง

      น้ำมันปลากับโรครูมาตอยด์ (โรคข้ออักเสบ)
      อีพีเอ (EPA) จากโอเมก้า 3 (Omega 3) มีผลในการลดการอักเสบที่เกิดจากสารก่ออักเสบในร่างกาย ซึ่งจะพบมากในผู้ป่วยที่เป็นโรครูมาตอยด์

      น้ำมันปลา (Fish Oil) คืออะไร ?
      น้ำมันปลา คือน้ำมันที่สกัดจาก เนื้อ หัว หาง และหนังของปลาทะเล เช่น ปลาแซลมอน ปลาแมคคอเรล ปลาทูน่า เป็นต้น น้ำมันปลายังเป็นแหล่งของกรดไขมันจำเป็นไม่อิ่มตัวที่ เรียกว่า โอเมก้า 3 (Omega 3 ) ประกอบไปด้วย อีพีเอ (EPA) และ ดีแอชเอ (DHA) ซึ่ง มีประโยชน์ต่อระบบหลอดเลือดหัวใจ บำรุงสมองและสายตา



  ต่างจากน้ำมันตับปลา (Cod Liver Oil) อย่างไร ?   
      น้ำมันตับปลา เป็นน้ำมันที่ได้จากตับปลาทะเล เป็นแหล่งที่ให้วิตามินเอ ช่วยบำรุงผิวพรรณ และวิตามินดี ที่ช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่กระดูก หากรับประทานมากเกินขนาด อาจเกิดพิษจากการสะสมของวิตามินเอและดีซึ่งเป็นวิตามินที่ละลายในร่างกายส่วนที่เป็นไขมัน

      น้ำมันปลา
            1. สกัดได้จากเนื้อ หัว หางและของปลาทะเล
            2. เป็นแหล่งที่ให้กรดไขมันจำเป็น โอเมก้า 3
            3. ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไขมันในเลือดสูง

      น้ำมันตับปลา
            1. สกัดจากตับปลาทะเล
            2. เป็นแหล่งที่ให้วิตามินเอและดี
            3. บำรุงร่างกายทั่วไป



กินตะไคร้...ไกลมะเร็ง


กินตะไคร้...ไกลมะเร็ง

 ปลูกตะไคร้ติดบ้านไว้ไม่เสียหาย เพราะไม่ได้มีดีแค่เติมกลิ่นสร้างรสชาติในอาหารเท่านั้น แต่ตะไคร้ยังช่วยป้องกันมะเร็งได้อีกด้วย ยืนยันแล้วจากการศึกษาในสัตว์ทดลองพบว่า ตะไคร้สกัดสามารถยับยั้งอาการเริ่มแรกที่นำไปสู่โรคมะเร็งลำไส้ คือ หลุมในลำไส้ และการผิดเพี้ยนของดีเอ็นเอ การรักษาอาการเหล่านี้จะส่งผลดีแก่คนไข้มาก เพราะเป็นการรักษาก่อนที่เนื้อร้ายจะก่อตัว

       จากความสำเร็จในการทดลองในหนูพบว่า ตะไคร้สกัดสามารถลดอาการผิดปกติในลำไส้ได้มากกว่า 60 % ทำให้นักวิจัยตั้งสมมุติฐานว่า ตะไคร้อาจมีผลยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ ของแบคทีเรียในลำไส้ ซึ่งทำให้ร่างกายดูดซึมสารก่อมะเร็งน้อยลงได้ด้วย


เลือกใช้เมาส์เพื่อสุขภาพ


เลือกใช้เมาส์เพื่อสุขภาพ

เมาส์เล็กๆ ที่เราลากซ้าย ลากขวา อยู่ตลอดช่วงเวลาทำงาน และบางครั้งก็ใช้ไปจนดึกดื่น อาจกลายเป็นปัญหาสุขภาพได้ ถ้าไม่รู้จักเลือก

      ข้อมูลจากหนังสือ ภัยเงียบจากคอมพิวเตอร์ สำนักพิมพ์อมรินทร์สุขภาพ แนะนำว่า การจับเมาส์ที่มีขนาดไม่เหมาะกับมือก่อปัญหาได้ เพราะเมาส์ที่เล็กหรือใหญ่เกินไป จะทำให้กล้ามเนื้อมือและกล้ามเนื้อนิ้วมือทำงานหนักมากขึ้นโดยไม่จำป็น 

      เนื่องจากกล้ามเนื้อของนิ้วมือเป็นกล้ามเนื้อเล็กๆ ซึ่งไม่มีกำลังมากมาย ดังนั้น เมื่อใช้เมาส์ได้ไม่นานก็อาจเกิดอาการปวดนิ้วปวดมือขึ้นมาได้ นอกจากนี้ยังปวดมาถึงข้อมือ ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อที่ต่อเนื่องกันด้วย 

เมาส์ที่ดีควรมีลักษณะอย่างไร

      1. มีขนาดเหมาะสมกับมือผู้ใช้ ไม่ใหญ่เกินไป หรือเล็กเกินไป 
      2. สามารถวางมือทั้งหมดบนเมาส์ได้อย่างหลวมๆ สบายๆ เหมือนกับเราให้เมาส์ช่วยพยุงรองรับอุ้งมือทั้งหมดของเราได้ 
      3. เมื่อวางมือลงบนเมาส์ นิ้วชี้จะอยู่ในตำแหน่งที่จะใช้งานได้พอดี เพียงกดเบาๆ ก็สามารถใช้งานได้ทันที ที่สำคัญ ควรวางเมาส์อยู่ใกล้คีย์บอร์ด เพื่อจะได้ใช้งานง่าย ไม่ต้องเอื้อมมือไปไกล

      การจัดการอุปกรณ์ในสำนักงานให้เหมาะสมต่อการใช้งาน ช่วยลดความเสี่ยงออฟฟิศซินโดรมได้อีกทางหนึ่งค่ะ



10 วิธีให้คุณสวยดูดีตอนออกกำลังกาย


10 วิธีให้คุณสวยดูดีตอนออกกำลังกาย

 แม้เราอาจจะไม่ควรคาดหวังว่าจะสวยให้ได้เหมือนนางแบบซุปเปอร์โมเดล แต่การทำตัวเองให้ดูดีขณะออกกำลังกายก็ช่วยให้เรามีความมั่นใจมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้คุณตั้งใจออกกำลังได้มากขึ้น และให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นต่อมา

สวมใส่ชุดที่ทำให้หุ่นเพรียวขึ้น
ในขณะที่แฟชั่นไปอะไรที่เดี๋ยวมาแล้วก็ไป แต่แฟชั่นเสื้อผ้าสำหรับออกกำลังกายก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการเลือกสวมใส่ชุดที่ทำให้หุ่นเข้ารูป หากคุณลองชุดแล้วไม่แน่ใจว่าจะซื้อดีหรือเปล่า ก็จงอย่าซื้อเพราะมันจะไม่เปลี่ยนทรงเหมือนสื้อผ้าทั่วๆไป เลือกสวมชุดที่ใส่แล้วดูเพรียว กระชับขึ้น เน้นสัดส่วนในบริเวณที่คุณภูมิใจ

เลือกเนื้อผ้าที่ระบายอากาศดี
คราบเหงื่อตามเสื้อผ้าไม่เคยทำให้ใครดูดี แต่คุณสามารถหลีกเลี่ยงได้ง่ายๆด้วยการฉีดยาดับกลิ่นลดการขับเหงื่อ หลีกเลี่ยงการสวมเสื้อผ้าที่ทำจากผ้าฝ้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณกำลังจะไปออกกำลังกายแบบที่จะทำให้เกิดเงหื่อเยอะๆ โดยให้สวมเสื้อผ้าที่ทำจากวัสดุอย่างเส้นใยโพลีเอสเตอร์, ไนลอน หรือสแปนเด็กซ์ ซึ่งมีน้ำหนักเบา และระบายอากาศได้ดี

แต่งหน้าเบาๆแบบธรรมชาติๆ
การไม่แต่งหน้าเลยอาจจะเป็นอะไรที่เหมาะที่สุดสำหรับการไปออกกำลังกาย แต่บางคนก็อดไม่ได้จริงๆต้องขอแต่งอะไรซักหน่อยก่อนจะกล้าออกจากบ้านไปไหน คุณอาจลองลงมอยเจอร์ไรเซอร์หรือฟาวน์เดชันบางๆ ซึ่งจะช่วยลดริ้วรอย ลดความมัน หรืออาจจะใช้มาสคาร่าแบบกันน้ำคู่กับลิปบาล์มอีกซักหน่อยด้วยก็ได้

สวมสปอร์ตบราขนาดพอดี
การเลือกสวมบราผิดขนาด (หรือบราประเภทที่ไม่ได้ออกแบบมาสำหรับการออกกำลังกาย) นอกจากจะทำให้เกิดปัญหาทางสุขภาพที่หลัง, คอ, หน้าอก ตลอดจนบุคลิกของเราแล้ว มันยังอาจทำให้หน้าอกของเราผิดรูปผิดทรงไปทั้งในระยะสั้นและระยะยาวด้วยก็ได้ ดังนั้นคุณจึงควรเลือกสปอร์ตบราขนาดพอดีๆที่กระชับเข้าทรงกับคุณได้ดีที่สุด

เสริมส่วนเว้าเข้ารูป
ถ้าคุณเป็นคนที่ใส่ใจเรื่องส่วนเว้าส่วนโค้งบนเรือนร่างเป็นพิเศษ ก็คงต้องลทุนซื้อชุดที่ช่วยเสริมสัดส่วน ปิดบังส่วนที่ไม่ต้องการให้ใครเห็น เช่นเดียวกับการเลือกสวมกางเกงกระชับหุ่นและต้นขา ให้คุณสามารถออกกำลังกายได้อยากมั่นใจมากขึ้น

เลือกสีสัน
ม่ว่าคุณจะรักการออกกำลังมากน้อยแค่ไหน ยังไงก็ต้องมีซักวันที่คุณจะรู้สึกหมดแรงบันดาลใจไปบ้าง และถ้าวันนั้นมาถึงเราก็อยากให้คุณลงทุนซักหน่อย ไปหาซื้อชุดสีสันสวยๆมาสร้างลวดลายให้กิจวัตรการออกกำลังกายของคุณ แถมยังทำให้คุณสวยสดใส ดูดีมากขึ้นไปอีกแบบ

มัดผม
สาวๆทั้งหลายจังฟัง แม้ว่าคุณจะมีผมสวยสุขภาพดีมากๆ แต่พอหลังจากออกกำลังกายเสร็จแล้ว มันจะไม่คงสวยอยู่เหมือนอย่างตอนก่อนออกกำลังกายแน่นอน ถ้าคุณอยากจะผมสวยตลอดเวลา ก็ต้องจัดแจ่งผมบ้างซักหน่อย ลองเกล้าผม หรือมัดผมเป็นหางม้า เพื่อป้องกันไม่ให้ผมยาวๆปลิวสะบัดไปเปราะเปื้อนเหงื่อจนฟูฟ่องหมดความสวย

ขจัดความมัน
แน่นอนว่าพอออกกำลังกายไปได้พักหนึ่ง ร่างกายจะต้องขับเหงื่อออกมาจนทั้งใบหน้าและเรือนร่างของคุณต้องมันวับไปหมด ส่วนวิธีแก้ไขก็ทำได้ไม่ยาก ด้วยการใช้น้ำล้างหน้าแล้วเช็ดด้วยผ้าให้แห้งที่ยังพลอยทำให้คุณสดชื่นขึ้นได้อีกด้วย

เครื่องประดับ
โอเค คุณคงไม่ใส่ต่างหูอันโตๆไปวิ่งในฟิตเนสหรอก แต่การเลือกเครื่องประดับตกแต่งที่แปลกแตกต่างอื่นๆอย่างกระเป๋า, กระติกน้ำ หรือนาฬิกาข้อมือสวยๆก็ช่วยเพิ่มความโดดเด่นและสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวขึ้นได้

ลดอาการหน้าแดง
นอกจากปัญหาจากเหงื่อไคลและความมันแล้ว อาการหน้าแดงก็เป็นอุปสรรคขัดขวางความสวยได้อย่างหนึ่งเหมือนกัน ยิ่งเมื่อมันแดงจัดจนถูกเอาไปเปรียบเทียบกับลูกตำลึงด้วยแล้ว การใช้แป้งรองพื้นซักหน่อยจะช่วยบรรเทาอาการนี้ได้ ควรดื่มน้ำเยอะทั้งก่อน, ระหว่าง และหลังการออกกำลังกาย หรือจะลงทุนหาสเปรย์น้ำแร่มาฉีดใบหน้าเพิ่มความสดชื่นก็เป็นอีกทางออกหนึ่ง




วันพุธที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ฟังเพลง บรรเลงสุขภาพ


ฟังเพลง บรรเลงสุขภาพ

      ในร่างกายของเราประกอบด้วยน้ำมากถึงสามในสี่ ดังนั้นหลายทฤษฎีทางการแพทย์จึงให้ความสำคัญในการกระตุ้น รักษาสมดุลการทำงานของน้ำในระดับโมเลกุล หนึ่งในนั้นคือการเชื่อว่า ถ้าสามารถทำให้โมเลกุลน้ำมีการเรียงตัวกันอย่างสมบูรณ์ในลักษณะผลึกหกเหลี่ยม จะทำให้การนำพาอาหารเข้าสู่อวัยวะต่างๆ เป็นไปอย่างทรงประสิทธิภาพ และทำให้ร่างกายแข็งแรง ปราศจากสาเหตุโรคภัย เครื่องมือสำคัญที่ราคาถูกและให้ผลทั้งในแง่อารมณ์ควบคู่ไปกับกายภาพ คือ การใช้เสียงดนตรี และนี่คือเคล็ดลับ และหลักการที่คุณควรรู้และเริ่มทำ

         คลื่นเสียงมีอิทธิพลต่อคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าภายในร่างกายมนุษย์ อวัยวะใดที่มีคลื่นความถี่ต่ำก็มักเกิดการสะสมของสารพิษได้ง่าย ดังนั้น การฟังดนตรีที่เหมาะสมจึงช่วยกระตุ้นความถี่ของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าให้ทำงานสมดุล สม่ำเสมอ  จังหวะและเสียงดนตรีจึงมีอิทธิพลต่อจิตใจและสมองของคนเราอย่างมาก การรับฟังดนตรีที่มีความไพเราะอยู่เสมอ จะทำให้สมองหลั่ง สารแห่งความสุข ช่วยลดความตึงเครียดทั้งทางร่างกาย และจิตใจ ทำให้เกิดสมาธิ มีจิตใจสงบ ระบบหัวใจ ระบบขับถ่าย ระบบหายใจทำงานได้ดี ความดันโลหิตเป็นปกติ ทำให้เกิดภูมิต้านทานต่อโรค รอดพ้นจากความเจ็บป่วย

         นักวิจัยชาวญี่ปุ่นพบว่า หากต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานประเภทท่องจำ ท่องบทต่างๆ ควรฟังดนตรีประเภทเขย่าครึกโครม หรือดนตรีระบบใหม่ๆ เช่น แนวเพลงป๊อป ร็อค แร็พ ควบคู่ไปด้วย จะช่วยให้สมองสามารถจำได้ง่ายและเร็วขึ้น ส่วนการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานเขียนบทความ นิยาย แถลงการณ์ ควรฟังดนตรีแนวคลาสสิก ที่มีสำเนียงเยือกเย็นคลอในระหว่างทำงาน จะเพิ่มจินตนาการและสมาธิ สำหรับงานคิดคำนวณ งานบัญชี งานรวบรวมเอกสาร หรือวัตถุดิบ ควรฟังเพลงพวกเครื่องสาย เช่น ไวโอลิน กีต้าร์ ที่ช่วยกระตุ้นระบบสัมผัส

         ในด้านการแพทย์ มักแนะนำให้ใช้เสียงดนตรีกระตุ้นทารกในครรภ์มารดา ผลปรากฏว่าเด็กมีปฏิกิริยาตอบรับกับเสียงเพลง ทั้งทางพฤติกรรมและร่างกายที่ดี เสียงเพลงที่นุ่มนวลจะทำให้เด็กมีอาการสงบเงียบ ร่างกายเจริญเติบโตขึ้น และยังช่วยให้ระบบหายใจและระบบย่อยอาหารดีขึ้น นอกจากนี้การนำเสียงดนตรีมาบำบัดรักษาผู้ป่วยปัญญาอ่อน โดยเฉพาะการใช้ดนตรีสดหรือบรรเทาความเจ็บปวดหลังการผ่าตัดของผู้ป่วยใน 48 ชั่วโมงแรก ผลปรากฏว่าช่วยให้ผู้ป่วยผ่อนคลายภาวะทางอารมณ์ และช่วยทุเลาอาการเจ็บปวดได้ดี

         รายงานการวิจัยมากมายยืนยันว่าความสัมพันธ์ของคลื่นเสียงมีอิทธิพลต่อน้ำในร่างกายมนุษย์ กล่าวคือ หากผลึกน้ำในร่างกายมีรูปทรงหกเหลี่ยมอันเกิดจากการได้รับฟังเสียงที่ไพเราะ ก็จะสามารถแทรกซึมผ่านผนังเซลล์เพื่อแลกเปลี่ยนสารอาหารและชำระล้างของเสียออกจากร่างกายได้ ขณะที่การรับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า คลื่นโทรศัพท์ หรือเสียงดนตรีแนว Heavy Metal รวมทั้งมลภาวะทางเสียงทั้งหลาย กลับทำให้ผลึกน้ำในร่างกายแปรเปลี่ยนรูปทรงเป็นผลึกที่ไม่สวยงามและไม่มีคุณภาพ เช่น เป็นทรงกลม หรือเป็นรูปทรงผลึกที่กระจัดกระจายไม่เป็นระเบียบ ซึ่งหมายถึงความสามารถในการนำสารอาหารไปหล่อเลี้ยงเซลล์ที่ด้อยลง 

         นักดนตรีบำบัดยืนยันว่าดนตรีสามารถเบี่ยงเบนความสนใจหรือความหมกมุ่นในใจของคนเราให้หันเหออกไปจากจุดเดิมที่เป็นอยู่ การฟังเพลงเวลาเครียดจะรู้สึกสบายขึ้นเพราะสมองถูกเบี่ยงเบนและได้รับวงจรใหม่ ในต่างประเทศจึงมีการใช้ดนตรีกับผู้ป่วยหลังผ่าตัดเพื่อลดอาการเจ็บปวด ความวิตกกังวล ส่วนประเทศไทยมีการใช้ดนตรีกับกายภาพบำบัด โรคเครียด ผู้ที่มีความผิดปกติทางอารมณ์ วัยรุ่นที่มีความก้าวร้าว เป็นโรคจิตซึมเศร้า ดนตรีจึงมีความสัมพันธ์ระหว่างอารมณ์ ระบบประสาท และภูมิคุ้มกันโรค

         หากต้องการอารมณ์ที่จรรโลงใจและดีต่อสุขภาพจิต ลองเลือกฟังดนตรีที่ให้ความสงบสุข เช่น ดนตรีของ Kitaro, Enja หรือบทเพลงทางศาสนา ส่วนเพลงบรรเลง (Light Music) ส่วนใหญ่จะทำให้เกิดความรู้สึกสดชื่น สบาย หรือถ้าอยากปลุกความสามัคคีก็ลองเลือกฟังเพลงประเภทประสานเสียง เป็นต้น

         การอยู่ท่ามกลางเสียงดนตรีเบาๆ เราจะสัมผัสถึงความรู้สึกที่ชุ่มชื่น และอารมณ์ที่เริ่มเข้าสู่ภาวะสมดุล เพลงใดที่ฟังแล้วรู้สึกเข้าถึงอารมณ์ แสดงว่าเพลงนั้นมีระดับความเร็ว (Tempo) เท่ากับจังหวะชีพจร ซึ่งระดับความเร็วนี้ก็เป็นตัวช่วยสร้างอารมณ์ให้แก่ผู้ฟังด้วย ดนตรีจังหวะเร็วๆ อาจทำให้ 

         รู้สึกเหนื่อย แต่หากจังหวะยิ่งช้าก็จะทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น การเริ่มหาจังหวะของตัวเอง ควรเริ่มต้นที่จังหวะของดนตรีซึ่งช่วยให้ร่างกาย กระปรี้กระเปร่า กระฉับกระเฉง บรรเทาอาการหงอย เฉื่อยชา เกียจคร้าน บางจังหวะบางบทเพลงอาจช่วยให้ค้นพบอารมณ์ของตัวเอง และยกระดับความรู้สึกให้ดีขึ้นช่วยสยบความวิตกกังวลและความเครียดทำให้มีสมาธิ มีสติปัญญาแจ่มใสขึ้น รวมทั้งช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ และความไวของความรู้สึก

         มนุษย์คุ้นเคยกับเสียงดนตรีมาก่อนถือกำเนิด เราได้ยินเสียงดนตรีธรรมชาติจากหลายทาง ตั้งแต่จังหวะการเต้นของชีพจร หัวใจที่สัมผัสได้จากท้องแม่ ลมหายใจ การก้าวย่าง ฤดูกาล น้ำขึ้นน้ำลง ล้วนเป็นจังหวะในชีวิตและธรรมชาติ นี่คือส่วนหนึ่งของความสมดุลในชีวิต จึงนับเป็นไอเดียที่ดี ถ้าในวันไหนหรือช่วงเวลาใดที่เรารู้สึกอ่อนไหว อ่อนเพลีย หรือขาดแรงกระตุ้น จะลองหันมาใช้ชีวิตในเสียงดนตรีมากขึ้น เพราะมันคือการกลับสู่พลังงานต้นกำเนิด


สีเขียว ช่วยให้คุณครีเอทีฟ


สีเขียว ช่วยให้คุณครีเอทีฟ

 หากหัวสมองคิดอะไรไม่ออก ลองหันไปมองสีเขียวดูหน่อยดีไหมจ๊ะ

          เพราะงานวิจัยจากเมืองเบียร์เขาบอกว่า เมื่อคนเรามองสีเขียวอย่างน้อย 2 วินาที ก่อนจะทำภารกิจที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ จะช่วยให้เราครีเอทีฟกว่าดูสีอื่น ๆ รวมทั้ง ขาว เทา แดง และฟ้า ด้วย

          โดยการศึกษาตีพิมพ์ในวารสาร Personality and Social Psychology ชี้ว่า สีเขียว อาจมีผลต่อความคิดสร้างสรรค์ เพราะมันเป็นสีที่แสดงถึงการเจริญเติบโต ทั้งทางกายภาพ และทางจิตใจ 

           อย่างไรก็ดี "เขียว" นี้ หมายถึงเขียวจากต้นไม้ใบหญ้าเท่านั้น ยังไม่มีการศึกษาเพิ่มเติมว่าเขียวในเฉดอื่น ๆ จะช่วยเรื่องความคิดสร้างสรรค์รึเปล่า แต่การลงทุนซื้อต้นไม้มานั่งมองบ้างก็ไม่เสียหายอะไรเนอะ


เสริมสุขภาพด้วยอาหารฟังก์ชั่น ทางเลือกใหม่การดำเนินชีวิตสดใส


เสริมสุขภาพด้วยอาหารฟังก์ชั่น ทางเลือกใหม่การดำเนินชีวิตสดใส

 ในยุคที่สาว ๆ ทุกคนต้องการมีสุขภาพดี ดูดีและแข็งแรงอยู่เสมอ อ.ศัลยา คงสมบูรณ์เวช นักกำหนดอาหารขึ้นทะเบียนวิชาชีพจากสหรัฐอเมริกา ได้แนะแนวทางการเสริมสุขภาพด้วยอาหาร หลังกลับจากการไปประชุมวิชาการประจำปีของสมาคมนักกำหนดอาหารของสหรัฐอเมริกา ณ เมืองซานดิเอโก ประเทศสหรัฐอเมริกา ว่าปัจจุบันแนวคิดการใช้อาหารดีส่งผลดีต่อสุขภาพ เป็นที่ยอมรับว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินชีวิตและสุขภาพของเรามากขึ้น การกินที่ดีนั้นหมายถึงการที่ร่างกายควรได้สารอาหารครบถ้วน อาจไม่จำเป็นต้องครบใน 1 มื้อ แต่ให้ดูโดยรวมทั้งวัน หรือทั้งอาทิตย์ เฉลี่ยแล้วครบก็ถือว่ามีหลักการกินที่ดีที่จะส่งเสริมสุขภาพ 

          อย่างไรก็ตาม ประโยชน์ของอาหารนอกจากจะให้พลังงานและมีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายแล้ว ยังอาจมีสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่เป็นประโยชน์ทางสุขภาพ แต่ไม่ให้พลังงานและไม่ให้คุณค่าทางโภชนาการ (Non-nutrients) เหมือนกับอาหารหลัก 5 หมู่ เช่น สารพฤกษเคมี  (Phytonutrients) ที่ได้จากพืชบางชนิดที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มภูมิต้านทานโรค หรือควบคุมการออกฤทธิ์ของฮอร์โมน เป็นต้น เราเรียกอาหารเหล่านี้ว่า อาหารฟังก์ชั่น (Functional foods)

          อาหารฟังก์ชั่น หมายถึงอาหารหรือสารอาหารชนิดใด ๆ ที่อยู่ในรูปธรรมชาติหรือที่ถูกแปรรูปไปเพื่อให้ประโยชน์ต่อสุขภาพนอกเหนือจากประโยชน์ที่ได้รับจากสารอาหารหลักที่กินกันในชีวิตประจำวัน และยังมีสารที่อาจมีผลต่อระบบการทำงานของร่างกายในการป้องกันโรคบางชนิด เพิ่มภูมิต้านทานโรค ป้องกันหรือชะลอความเสื่อมของเซลล์ในอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย และเสริมสร้างสุขภาพให้ดีขึ้น อาหารธรรมชาติหลาย ๆ ชนิดจัดเป็นอาหารฟังก์ชั่น เช่น เห็ดที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เนื่องจากมีโปรตีนสูง อุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร วิตามินบีสูงและแร่ธาตุต่าง ๆ รวมทั้งสารต้านอนุมูลอิสระ โดยเฉพาะเห็ดทางการแพทย์ (Medicinal mushrooms) เช่น เห็ดไมตาเกะ (Maitake) ที่อุดมไปด้วยสารกริโฟแลน (Grifolan) ซึ่งเป็นสารธรรมชาติในเห็ดชนิดนี้และมีฤทธิ์ทางชีวภาพที่ให้คุณประโยชน์แก่ร่างกายเพิ่มเติมนอกเหนือจากคุณค่าโภชนาการตามปกติที่มีอยู่

          มีงานวิจัยหลายงานที่แสดงให้เห็นว่าสารชนิดนี้ช่วยกระตุ้นการทำงานและเพิ่มประสิทธิภาพในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย นอกจากนี้ยังมีอาหารฟังก์ชั่นอื่น ๆ อีกมากมายที่มาจากผักและผลไม้ต่าง ๆ เช่น บิลเบอร์รี่และผลไม้ในตระกูลเบอร์รี่อื่น ๆ มีสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ คือ สารโปรแอนโธไซยานิดินส์ หรือพรุนมีกรดนีโอโคลโรเจ็นนิค (neochlorogenic acid) และกรดโคลโรเจ็นนิค (chlorogenic acid) เป็นสารแอนติออกซิแดนต์และมีใยอาหารสูงมาก เป็นต้น

          ปัจจุบันวิวัฒนาการอาหารฟังก์ชั่นก้าวไปไกล ทำให้เกิดผลิตภัณฑ์อาหารฟังก์ชั่นที่เอื้อความสะดวกแก่ ผู้บริโภค ประเภทเครื่องดื่มฟังก์ชั่นที่ชาวจีนนิยมใช้กันมานาน เช่น รังนกอีแอ่นกินรัง โดยแพทย์จีนใช้เป็นส่วนผสมในตำรับยา เพราะเชื่อกันว่ารังนกมีสรรพคุณเป็นยาบำรุงกำลังชั้นดี ช่วยให้อายุยืน และต่อต้านความชรา นอกจากนี้ยังให้ประโยชน์ในการฟื้นฟูสุขภาพจากการเจ็บป่วย ช่วยรักษาโรคทางเดินหายใจ บำรุงสุขภาพเด็กที่ไม่แข็งแรง เสริมสุขภาพการย่อยและการดูดซึม 
 ปัจจุบันการศึกษาในระดับโมเลกุลพบว่า รังนกที่ผลิตจากน้ำลายของนกอีแอ่นกินรังประกอบไปด้วย สารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่เรียกว่า สารไกลโคโปรตีนที่อุดมไปด้วยกรดอะมิโน เซอรีน ทรีโอนีน และโปรลีน เป็นต้น จากผลการวิจัยพบว่าในสารสกัดที่ได้จากรังนกนั้นประกอบด้วยสารอีพิเดอร์มอลโกรธแฟกเตอร์ [Epidermal Growth Factor (EGF)] ซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นการแบ่งตัวของผิวหนังกำพร้าและเยื่อบุต่าง ๆ นอกจากนี้คณะนักวิจัยจากประเทศญี่ปุ่น พบว่ารังนกมีฤทธิ์ยับยั้งการติดเชื้อไวรัส โดยไกลโคโปรตีนที่มีในรังนกจะไปจับเชื้อไวรัส และยับยั้งการเพิ่มจำนวนของเชื้อไวรัส จึงอาจช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ได้เมื่อกินในปริมาณที่เพียงพอ
    
          จะเห็นว่าทั้งอาหารหลักและอาหารฟังก์ชั่นต่างมีบทบาทที่ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพที่ต่างกัน อาหารฟังก์ชั่นไม่สามารถใช้ทดแทนอาหารหลักได้ แต่สามารถเสริมการทำงานอาหารหลักหากมีการใช้อย่างถูกต้อง ปัจจุบันสมาคมนักกำหนดอาหารของสหรัฐอเมริกาได้แนะนำให้ประเมินประโยชน์อาหารต่าง ๆ ทั้งจากสารอาหารและสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพโดยใช้ข้อมูลวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่แค่ประเมินประโยชน์จากแค่คุณค่าทางโภชนาการ จึงไม่ควรนำอาหารหลักและอาหารฟังก์ชั่นมาเปรียบเทียบคุณค่าทางโภชนาการเท่านั้น 

          ดังนั้นการมีสุขภาพที่ดีเป็นสิ่งที่ไม่ยากหากจะผสมผสานการใช้อาหารฟังก์ชั่นให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการดูแลสุขภาพ ผู้บริโภคควรติดตามศึกษาหาความรู้จากงานวิจัยที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เลือกอาหารให้เหมาะกับความต้องการของสภาพร่างกาย หลีกเลี่ยงสิ่งเสพติดและปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ พักผ่อนให้เพียงพอ และหมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอก็จะมีสุขภาพดีได้ตลอดชีวิต



วันจันทร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ลดพุง ลดโรค พิชิตสุขภาพง่าย ๆ ด้วยหลัก 3 อ.


ลดพุง ลดโรค พิชิตสุขภาพง่าย ๆ ด้วยหลัก 3 อ.

รู้หรือไม่ว่า "พุงอ้วน ๆ" ของคุณ นำพาสารพัดโรคมาสู่ร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดสมอง ฯลฯ แม้คุณจะเป็นคนผอมบางร่างน้อย หรือเป็นเพียงเด็กตัวเล็ก ๆ แต่ถ้าคุณมี "พุง" ที่เป็นแหล่งสะสมของไขมัน นั่นก็ทำให้คุณมีความเสี่ยงต่อสารพัดโรคเหล่านั้นได้ไม่ต่างจากคนอ้วนเลยนะ

          ทั้งนี้ รายการ Fat Fact ความจริงรอบพุง ที่ออกอากาศทางช่อง ไทยพีบีเอส ให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่า "พุง" คือที่รวมของไขมันชนิดที่น่าเกลียดที่สุด น่ากลัวที่สุด และอันตรายที่สุด แถมยังเป็นที่สะสมของไขมันอิสระที่ทำให้คุณเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ ยิ่งพุงขึ้นใหญ่ขึ้นเท่าไร คุณก็ยิ่งตายเร็วขึ้นเท่านั้น!!! 

          นอกจากนี้ จากข้อมูลของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ยังบอกให้ทราบว่า ปัจจุบัน มีผู้ชายไทย 1 ใน 3 และผู้หญิงไทย ถึง 1 ใน 2 คน กำลังตกอยู่ในภาวะอ้วนลงพุง 

          เอ...แล้วเราอยู่ในกลุ่มเสี่ยงด้วยหรือเปล่านะ...ลองทดสอบด้วยตัวเองง่าย ๆ ด้วยการวัดรอบเอว (หน่วยเป็นเซนติเมตร) ของคุณดู ถ้าตัวเลขที่ได้มากกว่า "ส่วนสูง (เซนติเมตร) หาร 2" นั่นแสดงว่า คุณกำลังตกอยู่ในภาวะ "อ้วนลงพุง" แล้ว และความน่ากลัวของมันก็คือ รอบพุงที่เพิ่มขึ้นทุก ๆ 5 เซนติเมตร จะทำให้โอกาสเสี่ยงต่อโรคเบาหวานเพิ่มขึ้น 3-5 เท่าเชียวนะ
ถ้าใครเข้าข่าย "คนอ้วน" แล้วล่ะก็ ถึงเวลาแล้วล่ะที่เราจะมา "ลดพุง ลดโรค" เพื่อจะได้อยู่กับคนที่เรารักนาน ๆ โดยยึดหลัก "3 อ." นั่นก็คือ 

 อ. อาหาร

 หลีกเลี่ยงอาหารหวาน มัน เค็ม 
 เลือกวิธีเตรียมอาหารด้วยต้ม นึ่ง ย่าง งดของทอด ผัด ที่ใช้น้ำมันมาก
 เลิกดื่มเครื่องดื่มรสหวาน เช่น น้ำหวาน น้ำอัดลม นมเปรี้ยว กาแฟเย็น ชาเขียว น้ำผลไม้กล่อง น้ำผลไม้รสหวาน

 อ. ออกกำลังกาย

 จดจำไว้เสมอว่า "กิน" ให้เท่ากับ "การเผาผลาญ" หากไม่ออกกำลังเท่าที่เรากินเข้าไป เราจะมีพลังงานเหลือเก็บไว้เป็นไขมันรอบพุงเช่นเดิม

 อ. อารมณ์

ต้องมุ่งมั่น จริงจัง อดกลั้น อดทน กับนโยบายการเปลี่ยนแปลงตนเอง อย่าให้อารมณ์ความอยากกินมาทำลายนโยบายลดพุงของคุณ ดังนั้น อารมณ์ ถือเป็นภารกิจแรกที่เราต้องทำให้ได้เลยเชียวล่ะ
 ทั้ง 3 อ. นี้ มีความสำคัญมากเลยนะจ๊ะ ซึ่ง อาจารย์สง่า ดามาพงษ์ นักวิชาการสาธารณสุขเชี่ยวชาญโภชนาการ แนะนำว่า หากต้องการลดน้ำหนักให้ได้ผล จะต้องปฏิบัติตาม 3 อ.ไปพร้อม ๆ กัน ถ้าคิดจะออกกำลังกายเพียงอย่างเดียว แต่ยังกินแหลก ไม่ควบคุมอารมณ์ ต่อให้คุณออกกำลังกายหักโหมแค่ไหนก็ลดน้ำหนักได้แค่ 1% เท่านั้นเอง ส่วนคนที่คุมอาหารอย่างเดียว โดยไม่ออกกำลังกายเลย จะลดน้ำหนักได้แค่ 9% แต่ถ้าคุมอาหารด้วย ควบคู่กับการออกกำลังกายไปพร้อม ๆ กัน เราจะลดน้ำหนักได้ถึง 90%!!!

          ได้ยินแบบนี้ หลายคนก็ยังมีข้ออ้างอยู่ในใจว่า "ก็ไม่มีเวลานี่ จะไปออกกำลังกายได้อย่างไร" แต่จริง ๆ แล้ว เราสามารถทำกิจกรรมอะไรที่ช่วยให้ขยับร่างกายได้ทุกเวลานั่นแหละค่ะ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะทำหรือไม่ทำมากกว่า อย่างเช่นถ้าคุณเป็นพนักงานออฟฟิศ ก็สามารถใช้เวลาในช่วงทำงานขยับร่างกายได้ เช่น 
          
 1. ทุก ๆ ชั่วโมง ให้ลุกขึ้นมาเดินสัก 5 นาที เป็นการพักเบรกไปในตัว
          
           เปลี่ยนจากการขึ้นลิฟต์มาขึ้นบันได เพียงแค่ 5 นาที ก็จะช่วยให้หัวใจแข็งแรงขึ้นแล้ว แถมยังช่วยเผาผลาญพลังงานที่มีอยู่ด้วย
          
 2.  แกว่งแขน 
          
 3.  ลุกนั่ง 
          
 4.  เดินให้มากขึ้น ให้ได้วันละ 10,000 ก้าว
          
  5. ใช้จักรยาน หรือรถสาธารณะในการเดินทาง

          การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมง่าย ๆ แค่นี้ ก็ช่วยให้เราเผาผลาญพลังงานไปได้มากโข ไม่ต้องเก็บพลังงานไว้เป็นไขมันหน้าท้องรอบ ๆ พุง ให้เสียสุขภาพอีกแล้วล่ะ




หนึ่งในนั้นคือคุณหรือไม่ ติดโลกออนไลน์จนไม่ได้กินข้าวเช้า


หนึ่งในนั้นคือคุณหรือไม่ ติดโลกออนไลน์จนไม่ได้กินข้าวเช้า!?

 ในปัจจุบันนี้โซเชียลเน็ตเวิร์กดูท่าจะแทรกซึมกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราไปอย่างแนบเนียน จนบางทีก็ไม่แน่ใจว่ามันแทรกซึมเข้ามาหาเรา หรือเป็นตัวเราที่ผูกพันกับมันมากเกินไป เพราะไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็เห็นใคร ๆ ก้มหน้าก้มตาง่วนอยู่กับอุปกรณ์จอสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ข้างหน้าของตนอย่างเอาเป็นเอาตาย (เห็นแบบนี้แล้วอยากร้องเพลง "โอมจงเงย" เสียจริง ๆ) จนล่าสุด สังคมในโลกออนไลน์กลายเป็นสาเหตุหลักประการหนึ่งที่ทำให้สาวชาวอังกฤษหลายคนละเลยเวลาอาหารเช้าของตัวเองไป ตามการสำรวจจาก Belvita ผลิตภัณฑ์อาหารเช้าพร้อมรับประทาน 

          อาหารมื้อเช้ารับเป็นมื้อสำคัญ ที่จะเติมพลังงานให้ร่างกายพร้อมเผชิญกิจกรรมต่าง ๆ ในช่วงเช้าของวันนั้น ผู้ที่ละเลยอาหารเช้ามักมีแนวโน้มอยากอาหารที่มีพลังงานสูงและอาหารที่ทำให้อ้วนง่ายในมื้อถัดไป ส่งผลกระทบให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้ ผลการสำรวจจาก Belvita ผลิตภัณฑ์อาหารเช้าพร้อมรับประทาน พบว่า 4 ใน 10 ของหญิงชาวอังกฤษที่มีปัญหาเกี่ยวพันกับเรื่องน้ำหนักตัว ก็เพราะไม่ได้ให้ความสำคัญกับอาหารมื้อเช้า และใช้เวลาในช่วงนี้ไปกับโลกออนไลน์อย่างการเช็กอีเมล เล่นเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ หรือติดตามอัพเดทเรื่องราวในโซเชียลเน็ตเวิร์กอื่น ๆ ซึ่งเวลาเพียง 10 กว่านาทีที่หมดไปกับเรื่องเหล่านี้ ก็มากพอที่จะทำให้พวกเธอจัดการกับอาหารมื้อเช้าได้

          นอกจากการติดพันข่าวสารในโลกออนไลน์แล้ว กิจกรรมที่เร่งรีบและวุ่นวายในยามเช้า ก็เป็นสาเหตุในการขโมยเวลารับประทานอาหารมื้อแรกของวันจากพวกเธอไปด้วยเช่นกัน ภารกิจยามเช้าเหล่านั้นมีทั้งการรีดผ้า อาบน้ำ เตรียมข้าวกล่องมื้อเที่ยง พาสุนัขไปเดินเล่น รดน้ำแปลงผักและดอกไม้ที่ปลูกไว้ เตรียมเสื้อผ้าและข้าวของที่ต้องใช้ให้สามีและลูก รวมไปถึงการออกไปซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อจับจ่ายซื้อของอย่างฉับไวในช่วงเช้าสำหรับคุณแม่บ้าน ฯลฯ กว่ากิจกรรมเหล่านี้จะเสร็จสิ้นลงก็กินเวลาไปจนสายโด่งพระอาทิตย์แทบจะเคลื่อนมาเหนือศีรษะ พวกเธอจึงมีเวลาจัดการกับมื้อเช้าของตัวเอง 

          แต่สำหรับคุณผู้หญิงออฟฟิศเลดี้ แค่เร่งรีบพาตัวเองมาให้ถึงที่ทำงานได้ก็เป็นเหตุผลมากพอที่ทำให้เธอไม่มีเวลาสำหรับมื้อเช้า หลายครั้งที่อาหารเช้าของเธอเป็นแค่ชาหรือกาแฟ กินแซนด์วิชง่าย ๆ ขณะกำลังเดินทางไปที่ทำงาน เดินไปก็กินไป หรือเมื่อถึงออฟฟิศแล้วจึงนั่งกินไปทำงานไปพร้อม ๆ กัน ไปจนกระทั่งละเว้นอาหารมื้อเช้าไปเลย ซึ่งพวกเธอยอมรับว่ารู้สึกโหย อ่อนล้า และจะรู้สึกกระปรี้กระเปร่ากว่านี้มากหากว่าได้กินข้าวเช้าก่อนออกมาทำงานทุก ๆ วัน 

          ทางผู้สำรวจยังได้แบ่งแยกประเภทของผู้หญิงตามไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในยามเช้าออกเป็น 6 ประเภท ดังนี้ 

         พวกหิวโหยคาเฟอีน ซึ่งเริ่มต้นวันด้วยชาหรือกาแฟอย่างน้อย 1 แก้ว

         พวกซูเปอร์ฮีโร่ ผู้ซึ่งสามารถจัดการภารกิจแสนยุ่งเหยิงในยามเช้าได้เสร็จสรรพเรียบร้อย แต่ก็ไม่ได้กินอาหารเช้าอยู่ดี

         พวกแฟชั่นนิสต้า สาว ๆ ผู้ใช้เวลาอย่างน้อย 40 นาทีอยู่หน้ากระจก จัดความเรียบร้อยสวยงามให้ตัวเองก่อนไปทำงานจนไม่มีเวลาเหลือให้มื้อเช้า

         พวกคนงัวเงีย เป็นพวกนอนดึก ตื่นตามนาฬิกาปลุก (ที่เลื่อนเวลาออกไปคราวละ 5 นาทีอยู่หลายครั้งกว่าจะตื่นขึ้นมาได้) ตื่นมาด้วยความง่วงมึน และรีบอาบน้ำแจ้นไปทำงาน

         พวกมอร์นิ่ง เลิฟเวอร์ เป็นคนตื่นเช้า และกินอาหารเช้าสม่ำเสมอ  

         พวกนักเล่นกล ที่เปลี่ยนตัวเองให้ทำได้หลาย ๆ อย่างในยามเช้า หยิบนู่นทำนี่เพื่อจัดการความเรียบร้อยให้ลูก สามี รวมทั้งตัวเอง ก่อนจะรีบออกไปทำงาน จนทำให้หลาย ๆ ครั้งไม่มีเวลาจัดการอาหารเช้า


          ตัวคุณจัดเป็นสาวที่มีไลฟ์สไตล์แบบไหนกันคะ? ด้วยไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปและชีวิตที่เร่งรีบมากขึ้น อาหารมื้อเช้าซึ่งนับเป็นมื้อที่สำคัญที่สุด เพราะเป็นพลังงานชุดแรกที่ร่างกายจะได้รับหลังจากอดอาหารมาทั้งคืน จึงถูกเบียดความสำคัญไปโดยปริยาย ทำให้ประสิทธิภาพในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ในยามเช้าลดลง โหยหิวเกินพิกัด กินจุ และนำมาซึ่งปัญหาน้ำหนักตัวได้ .. รู้อย่างนี้แล้วก็อย่ามัวแต่กดมือถือเล่นเฟซบุ๊กเพลินจนไม่มีเวลาเหลือพอจัดการอาหารเช้านะคะ ผู้หญิงเก่งสมัยใหม่อย่างเราต้องห้ามละเลยการกินข้าวเช้าเป็นประจำทุกวันเลยเชียว!


เจ็บป่วยเป็นอะไร ความฝันบอกได้นะ


เจ็บป่วยเป็นอะไร ความฝันบอกได้นะ

การนอนหลับแล้วฝันเป็นเรื่องราว หรือบางทีก็ฝันร้าย เป็นการบ่งบอกว่าคืนนั้นคุณหลับไม่สนิท ซึ่งนอกจากความฝันจะบอกอาการนอนหลับไม่สนิทแล้ว ผลวิจัยจากประเทศสหรัฐอเมริกายังพบว่า ความฝันสามารถบอกอาการผิดปกติที่เกิดกับร่างกายและจิตใจของเราได้ด้วยค่ะ

ฝันร้ายเพราะร่างกายมีไข้

          ถ้าคืนไหนเกิดฝันร้ายขึ้นมาอย่างที่ก็ไม่เข้าใจตัวเอง ให้ลองนึกดูว่าวันที่ผ่านมาได้ไปเดินตากฝน ตากแดด หรือมีพฤติกรรมที่เสี่ยงจะไม่สบายมาบ้างหรือเปล่า เพราะการที่คุณฝันร้าย แสดงว่าร่างกายกำลังส่งสัญญาณเตือนถึงอาการเจ็บไข้แล้วล่ะค่ะ ดังนั้นถ้าตื่นเช้ามาพร้อมความรู้สึกปวดหัวนิด ๆ ก็ทานยาแก้ไข้กันอาการไว้ก่อนเลยดีกว่า

ฝันเพราะเครียดโดยไม่รู้ตัว

          คนส่วนมากมักจะไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังมีความเครียดอยู่ลึก ๆ และแสร้งทำเป็นลืม ๆ มันไป แต่ถ้าคุณฝันขึ้นมาเมื่อไรก็แสดงว่าความเครียดนั้นโผล่พ้นจิตใต้สำนึกเข้ามาแวบในความฝันแล้วล่ะ โดยถ้ามีความเครียดในระดับเบาบาง ความฝันจะเป็นเรื่องธรรมดาที่ไม่ได้ร้ายแรงมากนัก เช่น ฝันว่าตกเครื่องบิน หรือฝันว่ากำลังโต้คลื่นอยู่ในทะเล แต่ถ้าความเครียดที่มีนั้นหนักหนา เรื่องที่ฝันก็จะกลายเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่กำลังเครียดหรือกังวลอยู่ ซึ่งนักวิจัยถือว่าเป็นข้อดี เพราะจะทำให้คุณได้รู้ตัวว่าตัวเองกำลังเครียดเรื่องอะไรอยู่ และคุณก็จะได้รู้ว่าจะต้องจัดการกับมันยังไง
ฝันร้ายในผู้ป่วยเบาหวาน บ่งบอกว่าน้ำตาลในเลือดต่ำ

          สำหรับผู้ป่วยเบาหวานที่มีอาการน้ำตาลในเลือดต่ำ อาจจะมีอาการฝันร้ายร่วมด้วย เพราะระดับอินซูลินที่สูง และการทานยามากเกินไป  ดังนั้นคนที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน ควรใส่ใจความฝันด้วยนะคะ เพราะเป็นสัญญาณเตือนในเบื้องต้น จะได้รักษาอาการได้อย่างทันท่วงที

 ฝันบ่อย ๆ อาจได้เป็นแม่คน

          โดยส่วนมากแล้วคนท้องมักจะฝันเป็นปกติ และจะยิ่งถี่ขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วง 9 เดือนที่ตั้งครรภ์ ดังนั้นถ้าช่วงนี้คุณผู้หญิงท่านไหนที่แต่งงานแล้ว และชอบฝันบ่อย ๆ ก็เตรียมเฮรับสมาชิกใหม่ของบ้านกันได้เลยค่ะ นอกจากนี้ ยังมีผลวิจัยจากประเทศอิสราเอลที่บอกว่า หากคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ฝันร้ายหรือฝันน่ากลัวมากขึ้นเรื่อย ๆ จะลดโอกาสเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้าหลังคลอดได้ด้วยนะ

 ฝันร้ายทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ เสี่ยงเป็นโรคไบโพลาร์

          ถ้าความเครียดและความกังวลจากจิตใต้สำนึก เป็นเหตุให้คุณต้องฝันร้ายทุกคืน และนับวันจะยิ่งทวีความรุนแรง จนรบกวนการนอนหลับของคุณแล้วล่ะก็ แสดงว่าคุณอาจเข้าข่ายเป็นโรคไบโพลาร์ หรือโรคคน 2 บุคลิกแล้วล่ะค่ะ ดังนั้นลองปรึกษาจิตแพทย์ เพื่อหาวิธีรักษา และเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีอาการของโรคไพโบลาร์จริง ๆ หรือเปล่า

          การนอนหลับแล้วฝันก็อาจจะไม่ใช่เรื่องผิดปกติเสมอไป แต่ถ้าเมื่อไรที่รู้สึกว่าตัวเองเสี่ยงจะมีอาการอย่างที่กล่าวมาทั้งหมด ก็คงต้องใส่ใจความฝันกันมากขึ้นแล้วล่ะค่ะ เพื่อให้หาทางแก้ปัญหาทั้งเรื่องสุขภาพกาย และสุขภาพจิตได้ทันท่วงที จะได้นอนหลับสนิทกันได้เหมือนเดิม




อาหารเสริมแอล-คาร์นิทีน ทานแล้วเสี่ยงเส้นเลือดอุดตัน


อาหารเสริมแอล-คาร์นิทีน ทานแล้วเสี่ยงเส้นเลือดอุดตัน

อาหารเสริมลดน้ำหนัก วิตามินลดสัดส่วน เครื่องดื่มผสมแอล-คาร์นิทีน...ทางลัดลดความอ้วนเหล่านี้กำลังขายดีเป็นเทน้ำเทท่าในสังคมปัจจุบันที่ผู้หญิงส่วนหนึ่งมองว่า ต้องมีหุ่นเพรียวสวยเท่านั้น จึงจะดูดี แต่ภายใต้คำโฆษณาเหล่านั้นกลับมีพิษภัยต่อสุขภาพแฝงอยู่อย่างคาดไม่ถึง!!!

          ทั้งนี้ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการโรคทางสมอง คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ข้อมูลว่า วารสาร "เนเจอร์" ซึ่งเป็นวารสารทางการแพทย์ชั้นนำของสหรัฐอเมริกา ได้รายงานว่า เมื่อไม่นานมานี้เพิ่งมีการวิจัยค้นพบว่า สารแอล-คาร์นิทีน และโคลีน ที่ปัจจุบันถูกนำมาใช้เป็นอาหารเสริมลดน้ำหนัก ลดความอ้วน ช่วยทำให้ผู้หญิงมีหุ่นเพรียวกระชับ เพิ่มการเผาผลาญนั้น แท้ที่จริงแล้วอาจทำให้ผู้รับประทานเกิดเส้นเลือดอุดตันได้

          โดย ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการโรคทางสมอง อธิบายให้ฟังว่า สารแอล-คาร์นิทีน (L-carnitine) เป็นสารตามธรรมชาติจะอยู่ในเนื้อสัตว์ เนื้อแดง ถั่ว เป็นต้น แต่ละวันเราจะได้รับสารแอล-คาร์นิทีน จากการทานอาหารปกติ 20-200 มก. ส่วนอาหารเสริมแอล-คาร์นิทีน 1 เม็ด อาจมีแอล-คาร์นิทีน มากถึง 500 มก. ดังนั้น หากรับประทานเนื้อสัตว์ ซึ่งมีแอล-คาร์นิทีนอยู่แล้ว และยังทานอาหารเสริมที่มีแอล-คาร์นิทีนเข้าไปอีก ถือว่าเกินความต้องการของร่างกาย แล้วสารนี้จะไปเปลี่ยนจุลินทรีย์ในลำไส้ให้เป็นสารพิษชนิดหนึ่ง ซึ่งจะไปเร่งทำให้เกิดเส้นเลือดอุดตัน มีผลต่อเส้นเลือดสมองและหัวใจได้
 ศ.นพ.ธีระวัฒน์ ยังระบุต่อว่า แต่สำหรับคนที่ทานมังสวิรัติ จะได้รับแอล-คาร์นิทีน เพียงวันละ 1 มก. เท่านั้น ซึ่งเมื่อไปดูผลวิจัยเรื่องนี้ ในกลุ่มคนที่ทานมังสวิรัติ กลับพบว่า จุลินทรีย์ในลำไส้จะไม่เปลี่ยนแอล-คาร์นิทีนให้เป็นสารพิษ เพราะจุลินทรีย์ในลำไส้ของคนที่ไม่กินเนื้อสัตว์จะต่างกับจุลินทรีย์ของคนที่กินเนื้อสัตว์นั่นเอง

          อย่างไรก็ตาม ในงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับสารแอล-คาร์นิทีนชิ้นอื่น ยังพบว่า หากผู้ป่วยโรคเส้นเลือดหัวใจ-สมองตีบตันอยู่ก่อนแล้ว การได้รับสารแอล-คาร์นิทีนเพิ่ม จะช่วยลดอาการเจ็บแน่นหน้าอกได้บ้าง

          เมื่อมีผลวิจัยออกมาเช่นนี้ ก็ทำให้หลายประเทศที่อนุญาตให้สารแอล-คาร์นิทีน เป็นอาหารเสริมในผลิตภัณฑ์หลายประเภท ต้องมาพิจารณากันอีกครั้ง สำหรับประเทศไทยเอง ทาง ศ.นพ.ธีระวัฒน์ ก็เรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมากำกับ และควบคุมโฆษณาผลิตภัณฑ์อาหารเสริมต่าง ๆ ซึ่งปัจจุบันวางขายกันเป็นจำนวนมาก และหลายชนิดก็ไม่มีงานวิจัยรองรับชัดเจนว่าใช้ได้ผลจริง เพื่อป้องกันการโฆษณาเกินจริงจนเกินไป




สุขภาพดี … คุณเอง เป็นผู้กำหนด


สุขภาพดี … คุณเอง เป็นผู้กำหนด

ความจริงที่ว่า ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ ยังเป็นคำพูดที่ไม่ล้าสมัย เพราะคงไม่มีใครปฏิเสธว่าการมีสุขภาพดี มีค่ากว่าการได้ลาภเป็นเงินเป็นทองด้วยซ้ำไป เพราะแม้ว่าจะมีเงินมากองจนท่วมตัวก็ไม่สามารถซื้อสุขภาพที่ดีคืนมาได้

สุขภาพเป็นสิ่งที่ไม่มีใคร … นอกจากตัวเราเท่านั้นที่จะเป็นผู้กำหนด เป็นสิ่งที่เราเลือกได้ แต่เราได้เลือกแล้วหรือยัง มองย้อนกลับไปดูว่า ที่ผ่านมา เราดำเนินชีวิตอย่างถูกต้องหรือเปล่า เราสนใจเรื่องอาหารการกินมากน้อยแค่ไหน เรากินเพื่ออยู่ไปวัน ๆ หรือเรามีความสุขกับการกิน จนมากเกินไป ถ้าเป็นเช่นนั้น คงถึงเวลาแล้วที่เราต้องรีบปรับตัว และไม่ปล่อยปละละเลยกับการดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ เพราะหากเป็นปัญหาขึ้นมาแล้ว อาจสายเกินแก้

เมื่อพูดถึงการดูแลสุขภาพ เรื่องอาหารการกินดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เห็นได้ชัดเจนกว่าเรื่องอื่น ดังนั้น การจัดปรับ พฤติกรรมการกินให้ถูกต้อง ถูกหลักโภชนาการที่ดี กินอาหารที่ถูกสุขลักษณะ กินเป็นเวลา ที่สำคัญ คือ กินให้พอดีและ กินให้หลากหลาย ก็สามารถลดความเสี่ยง ต่อการเจ็บป่วย ไปได้มากกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว ในการทำความเข้าใจเรื่องการกิน อาหาร เพื่อสุขภาพที่ดีและห่างไกลโรคต่าง ๆ ที่เกิดจากการกินได้ ชัดเจนยิ่งขึ้น ลองสำรวจตัวเองว่ามีพฤติกรรมการกิน อาหาร เพื่อสุขภาพมากน้อยแค่ไหน จากโภชนบัญญัติ 9 ข้อต่อไปนี้

1.  กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ แต่ละหมู่ให้หลากหลาย ไม่ซ้ำซาก เพื่อความเพียงพอของสารอาหารและไม่สะสมสารพิษ ในร่างกาย และหมั่นดูแล น้ำหนักตัว

2. กินข้าวเป็นอาหารหลักสลับกับอาหารประเภทแป้งเป็นบางมื้อ และเพื่อคุณค่าที่มากกว่าขอแนะ

3. กินพืชผักให้มากและกินผลไม้เป็นประจำ เพื่อให้ได้วิตามิน ใยอาหารและสารป้องกันอนุมูลอิสระ

4.  กินปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไข่ ถั่วเมล็ดแห้งเป็นประจำ คนทั่วไปที่สุขภาพดีไม่มีปัญหาคอเลสเตอรอลสูงกินไข่ได้วันละ 1 ฟอง ผู้สูงอายุกินไข่ได้วัน

เว้นวัน ถั่วเหลืองและผลิตภัณฑ์ที่ทำจากถั่วเหลืองเป็นอาหารเพื่อสุขภาพควรกินเป็นประจำ

5.  ดื่มนมให้เหมาะสมตามวัย นมที่ไขมันต่ำหรือนมถั่วเหลือง จะให้ประโยชน์มากทำให้ไม่มีไขมันสะสม

6. กินอาหารที่มีไขมันแต่พอควร ลดการกินอาหารผัดและทอด ปรุงอาหารด้วยวิธีต้ม นึ่ง อบ แทน

7. หลีกเลี่ยงการกินอาหารรสหวานจัดและเค็มจัด เพื่อลดความเสี่ยงโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง

8 . กินอาหารที่สะอาดปราศจากการปนเปื้อน เลือกซื้ออาหารปรุงสุกใหม่ ๆ ล้างผักให้สะอาดก่อนปรุง

9. งดหรือลดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพราะบั่นทอนสุขภาพและเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ