Social Icons

เคล็ดลับสุขภาพผู้หญิง



ข้อควรรู้ในการใช้..แผ่นแปะคุมกำเนิด

ถ้าคุณไม่ชอบทานยา หรือรู้ตัวว่าไม่มีวินัยพอที่จะกินยาอย่างสม่ำเสมอ การเลือกใช้แผ่นแปะคุมกำเนิดน่าจะตอบโจทย์ได้ดีกว่า

       ยาคุมกำเนิดแบบใหม่ มีประสิทธิภาพสูงถึงร้อยละ 99 เทียบเท่ายาเม็ดคุมกำเนิด โดยใช้ยาคุมกำเนิดชนิดแผ่นแปะสัปดาห์ละ 1 แผ่น ในระหว่างที่ใช้แผ่นแปะ สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้ตามปกติ เช่น อาบน้ำ ว่ายน้ำ ออกกำลังกาย โดยไม่มีผลต่อการออกฤทธิ์ของยาจึงเป็นวิธีคุมกำเนิดที่ง่าย สะดวก ลดปัญหาการลืมทานยา

     1. ถ้าคุณลืมติดแผ่นแปะเมื่อถึงกำหนด เมื่อไรที่นึกได้ต้องรีบแปะทันที
     2. ถ้าแปะแผ่นแรกจนครบ 7 วันแล้ว ลืมเปลี่ยนแผ่นใหม่ ปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ถ้าลืมเปลี่ยนไม่เกิน 2 วัน สรรพคุณในการคุมกำเนิดจะยังอยู่ และให้นับวันที่ลืมรวมไปกับแผ่นที่ติดใหม่ด้วย เช่นถ้าลืมหนึ่งวันก็แปะแผ่นใหม่อีก 6 วัน รวมเป็น 7 วัน แล้วจึงเปลี่ยนแผ่นอีกครั้ง
     3. ถ้าแผ่นหลุดก่อนครบ 7 วัน ให้เปลี่ยนแผ่นใหม่ โดยนับเวลารวมกับแผ่นเก่า เช่น ถ้าแผ่นหลุดโดยเหลือเวลาอีก 3 วัน ก็แปะแผ่นใหม่ลงไปแล้วนับต่อไปอีก 3 วัน ค่อยดึงออก แปะแผ่นใหม่ลงไป
     4. คนที่ใช้แผ่นแปะจะมีรอบเดือนมาเป็นปกติ
     5. ไม่ควรแปะบนเต้านม บริเวณที่ผิวหนังอักเสบหรือเป็นโรคผิวหนัง และห้ามแปะแผ่นคุมกำเนิดซ้ำที่เดิม ต้องเปลี่ยนที่อย่างน้อย 1 สัปดาห์ ถึงจะกลับมาแปะที่เดิมได้
     6. ในระหว่าง 7 วันแรกของการใช้แผ่นแปะ ต้องคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นร่วมไปด้วย

ข้อดีของการแผ่นแปะคุมกำเนิด
นอกจากจะไม่มีผลข้างเคียงที่ทำให้อ้วนเหมือนยาแบบกินแล้ว ยังใช้สะดวก มีผลกระทบน้อย และไม่มีผลระยะยาว เลิกใช้เมื่อไรก็ตั้งครรภ์ได้ทันที


------------------------------------------------------------------------------------------------------------



6 วิธีช่วยคุณสาว ๆ แก้ขี้เกียจออกกำลังกาย

   คาดว่าคุณผู้หญิงทุกคนต้องเคยมีปฏิญาณกับตัวเองว่า "ฉันจะออกกำลังกาย" , "ฉันจะลดความอ้วน" แต่ก็มั่นใจเช่นกันว่า ทุกคนต้องเคยเกิดอารมณ์เบื่อ ขี้เกียจลุกขึ้นไปออกกำลังกาย ไม่ว่าจะไปวิ่ง ไปโยคะ หรือไปฟิตเนส แล้วเราจะปล่อยให้ความตั้งใจของเราละลายไปกับคำว่าขี้เกียจเหรอคะ เพื่อเป้าหมายของหุ่นสวย สุขภาพดีในภายภาคหน้า มาลองทำตามวิธีนี้กันดูค่ะ

1. ตั้งเป้าไม่สูงเกิน
ลองตั้งเป้าหมายแบบเป็นจริงและไม่ไกลเกินไป มากกว่าไปตั้งเป้าใหญ่แล้วทำไม่ได้ตามนั้น อาจเริ่มตั้งเป้าว่า ในหนึ่งอาทิตย์จะออกกำลังกายสัก 3 วัน หากคุณทำได้มากกว่านั้นก็ถือเป็นโบนัส แล้วจะทำให้รู้สึกดีที่ทำได้เกินกว่าที่ตั้งใจ

2. บันทึกความเปลี่ยนแปลง
จดบันทึกการออกกำลังกายในแต่ละวัน หรือจะทำบันทึกออนไลน์ ให้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี อย่างเช่น สุขภาพที่ดีขึ้น หุ่นที่เริ่มกระชับ น้ำหนักที่หายไป ฯลฯ ล้วนช่วยเป็นกำลังใจให้ตัวเองได้อย่างดีว่าเราทำได้

3. สร้างแรงจูงใจ
หาแก๊งหรือเพื่อนมาร่วมออกกำลังกายด้วยกัน จะช่วยให้คุณมีแรงจูงใจมากขึ้นในการไปออกกำลังกาย เพราะมีเพื่อนคอยช่วยกันผลักดัน และยังช่วยให้ไม่รู้สึกว่าการออกกำลังกายน่าเบื่ออีกด้วย

4. หาสไตล์ของตัวเอง
การออกกำลังกายนั้นมีหลายแบบ ไม่ว่าจะโยคะ ว่ายน้ำ เข้ายิม เต้นลีลาศ หรือแจ๊สแดนซ์ ซึ่งคุณอาจจะลองหากิจกรรมการออกกำลังกายที่เหมาะกับตัวคุณและที่คุณชื่นชอบ เพื่อช่วยกระตุ้นการลุกขึ้นมาเคลื่อนไหวร่างกายของคุณให้น่าสนใจมากขึ้น

5. หาผู้ช่วย
หลายคนอยากออกกำลังกาย แต่บางทีก็ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน หรือจะตรงกับความต้องการหรือไม่ ก็อาจจะต้องหาที่ปรึกษา ไม่ว่าจะเป็นเทรนเนอร์ตามสถานที่ออกกำลังกายต่าง ๆ เพื่อให้แนะนำวิธีออกกำลังกายให้เป็นไปตามเป้า และยังช่วยกระตุ้นให้คุณไม่ขี้เกียจอีกด้วย

6. ปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์
ความขี้เกียจในการออกกำลังกาย หลายครั้งมาจากความรู้สึกของการที่ต้องทำเพิ่ม แต่หากลองหากิจกรรมให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ดูล่ะ อย่างเช่น หากคุณเป็นคนรักสุนัข ก็อาจพาเจ้าสุนัขสุดรักออกมาวิ่งพร้อมกัน หากคุณเป็นพ่อหรือแม่ก็อาจชวนครอบครัวมาปั่นจักรยานหรือไม่ก็วิ่งพร้อมกัน ก็จะทำให้เป็นกิจกรรมที่ไม่ใช่แค่คุณคนเดียว แต่เป็นสิ่งที่มีคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง และตั้งตารอจะทำร่วมกัน ซึ่งก็ทำให้คุณเบี้ยวไม่ได้
       การออกกำลังกายถ้าเลือกและปรับจูนให้เหมาะกับตัวคุณ เชื่อเถอะว่าจะกลายเป็นเรื่องสนุกที่คุณลืมคำว่า "เบื่อ" ไปเลยค่ะ

------------------------------------------------------------------------------------------------------------



สุขภาพดีขึ้นได้ง่ายๆ ด้วยสิ่งเหล่านี้

อยากเป็นสาวเฮลตี้แต่ดูยุ่งยากชะมัด จะหยิบอะไรใส่ปากก็ต้องคิดแล้วคิดอีก ต้องแบ่งเวลาจากกองงานเต็มโต๊ะไปออกกำลังกาย แถมยังห้ามเครียดห้ามนู่นนี่นั่น ใคร้…จะไปทำได้
แต่ถ้ามีวิธีทำให้สุขภาพดีขึ้นได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องพยายามอะไรมากมาย ... จะสนกันไหม??

หัวเราะ
การหัวเราะให้เต็มที่ไม่ได้ช่วยแค่ให้อารมณ์ดีขึ้นเท่านั้น โรคภัยไข้เจ็บของคุณหลายอย่างก็จะดีขึ้นด้วย เพราะการศึกษาพบว่าการหัวเราะช่วยกระตุ้นสมองส่วนหน้าให้หลั่ง “เอ็นดอร์ฟิน” ซึ่งเป็นสารแห่งความสุข โรคเกี่ยวกับความเครียด ไมเกรน ความดันทั้งหลาย รวมถึงโรคซึมเศร้าก็จะหายไป ช่วยเพิ่มความเข้มข้นของแอนตี้บอดี้ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายแข็งแรง และยังได้ประโยชน์เหมือนกับการออกกำลังกาย คือกระบวนการเมตาบอลิซึ่ม ระบบการหายใจ และการไหลเวียนโลหิตก็จะดีขึ้นด้วย

วาดรูป
ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องเป็นศิลปิน แค่ขีดๆ เขียนๆ เล่นๆ ก็พอ ดร. แจ็คกี้ แอนเดรด และคณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยพลีมัต สหรัฐอเมริกา พบว่าเวลาที่เราต้องทำอะไรที่น่าเบื่อ เช่น ฟังการบรรยายที่ไม่เข้าใจ การวาดรูปเล่นจะทำให้สมองจดจ่ออยู่กับเรื่องที่กำลังดำเนินไป ช่วยให้ได้ผ่อนคลายระบายอารมณ์ และยังทำให้ความสามารถในการสังเกตและจดจำของสมองเพิ่มขึ้นได้เกือบ 30% ด้วยทีนี้เวลาเบื่อๆ หรือเครียดๆ ก็แค่หยิบปากกาขึ้นมาวาดๆ เขียนๆ เดี๋ยวก็อารมณ์ดีและสุขภาพดีแล้ว

นอน
แค่ล้มตัวลงนอนแล้วหลับให้สนิทก่อน 4 ทุ่ม นอนให้สัก 6-8 ชั่วโมง แค่นั้นเอง พญ. วิมลัก เสือดี จากศูนย์ Life Center ร.พ. สมิติเวช สุขุมวิท แนะนำว่าแค่นอนให้พอ สารพัดปัญหาสุขภาพก็จะหายไปเยอะ “เวลาที่เรานอนดึก ร่างกายก็จะหลั่งฮอร์โมนความเครียดออกมา ศัตรู ตัวร้ายของร่างกายอย่างอนุมูลอิสระก็จะเพ่นพ่านกันเต็มไปหมด แต่ถ้าเราเข้านอนเร็วฮอร์โมนความสาวก็จะหลั่งได้ดี ร่างกายก็จะได้ฟื้นฟูเต็มที่

ดื่มน้ำ
ร่างกายของเรามีน้ำเป็นส่วนประกอบถึง 70% และทุกเซลล์จะมีน้ำเป็นองค์ประกอบ ร่างกายต้องหมุนเวียนน้ำในร่างกายตลอดเวลาเพื่อทำหน้าที่หลายอย่าง การดื่มน้ำสะอาดอย่างเพียงพอจะทำให้ระบบร่างกายได้รับการกระตุ้นและพร้อมที่จะทำงาน สำหรับปริมาณน้ำที่ควรดื่มให้ได้ภายในหนึ่งวันเพื่อสุขภาพที่ดีของตัวคุณเองนั้น สถาบันทางการแพทย์ของอเมริกาแนะนำว่า ถ้าเป็นหนุ่มๆ ควรดื่มให้ได้วันละ 3 ลิตร (ประมาณ 13 แก้ว) ส่วนสาวๆ ก็วันละ 2.2 ลิตร (ประมาณ 9 แก้ว) แต่ถ้าคุณเป็นสปอร์ตี้เกิร์ลจะต้องดื่มน้ำในปริมาณที่เยอะกว่าคนปกติสักหน่อยนะ