Social Icons

วันอังคารที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556

พลังงานในผลไม้รถเข็น และ “พริก-เกลือความอ้วนเเจกฟรี”


รูปภาพ : พลังงานในผลไม้รถเข็น และ “พริก-เกลือความอ้วนเเจกฟรี”

ในผลไม้ที่เราทานกัน ตามรถเข็นที่หาซื้อได้ง่ายๆหน้าออฟฟิตนั้น ก็ถือว่าเป็นอาหารว่างที่เหมาะมากสำหรับคนที่รักสุขภาพ และผู้ที่กำลังควบคุมน้ำหนัก เเต่สิ่งที่เราต้องคำนึงเช่นกัน คือพลังงานในผลไม้เเต่ละชนิด เพื่อที่จะควบคุมไม่ให้เรารับประทานมากจนเกินไป เเต่ทว่า พลังงานในผลไม้นั้นยังถือว่าเป็นพลังงานที่ไม่สูงมาก ถ้าเทียบกับสิ่งที่เเถมมากับผลไม้รถเข็นที่น่ากลัวกว่า นั้นคือ เครื่องจิ้มต่างๆ หลายคนเสพติดรสชาติเค็มๆหวานๆเผ็ดของ พริกเกลือ เเละน้ำปลาหวาน ผงบ๊วย โดยไม่ทราบเลยว่าเจ้าสิ่งเหล่านี้หล่ะที่เป็น “ความอ้วนเเจกฟรี” ดังนั้นถ้าหากจะทานผลไม้แล้วจงตัดรสชาติของเครื่องจิ้มต่างๆออกให้ได้มากที่สุด เราก็จะสารมารถลดพลังงานเเฝงที่มากับผลไม้ที่มีปะโยชน์ได้หลาย kcal เลยทีเดียว

อันตรายจากผลไม้รถเข็น

การกินผลไม้เป็นเรื่องที่ดีและน่าส่งเสริม แต่ต้องดูองค์ประกอบหลาย ๆ อย่างจากแหล่งที่ซื้อผลไม้เหล่านั้นด้วยถึงจะได้รับคุณค่าจากผลไม้อย่างแท้จริง

หลังจากเจ้าหน้าที่ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ มหาวิทยาลัยสยาม ได้เก็บตัวอย่างผลไม้รถเข็นจากแหล่งจำหน่าย 38 แหล่ง ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อทดสอบการปนเปื้อนในอาหาร (Test Kit) ของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ 4 รายการ ได้แก่ ชุดทดสอบหายาฆ่าแมลงในอาหาร ชุดทดสอบกรดซาลิซิลิคในอาหาร (สารกันรา) ชุดทดสอบสีสังเคราะห์ในอาหาร และชุดทดสอบโคลิฟอร์มในอาหาร (เชื้อจุลินทรีย์)

ปรากฏว่าพบผลไม้ 153 ตัวอย่าง มีการปนเปื้อนของแบคทีเรียโคลิฟอร์มเกินกว่ามาตรฐานกำหนดถึงร้อยละ 67.3 โดยพบการปนเปื้อนของสีสังเคราะห์ ในตัวอย่างผลไม้ 161 ตัวอย่าง ถึง 16.2 เปอร์เซ็นต์ และพบการปนเปื้อนของสารกันราหรือซาลิซิลิค ร้อยละ 40.7

ส่วนผลไม้แปรรูปจำพวกของดองพบการปนเปื้อนหรือเจือปนของสารเคมีที่อาจเป็นอันตรายถึงร้อยละ 64.2 ส่วนใหญ่เป็นฝรั่งดองบ๊วยที่มีสีเขียวเข้มและสีแดงเข้มจนม่วง แบ่งเป็นการปนเปื้อนของสีสังเคราะห์ ร้อยละ 32.1 และปน เปื้อนสารกันรา ร้อยละ 32.1 แต่ไม่พบการปนเปื้อนยาฆ่าแมลงในผลไม้สดอ.สง่า ดามาพงษ์ ผู้จัดการโภชนาการสมวัย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และกรมอนามัย ให้ความรู้เกี่ยวกับการบริโภคผลไม้ในรถเข็นว่า ทุกวันนี้การบริโภคผลไม้ของคนไทยมีแนวโน้มลดลง เนื่องมาจากหลาย ๆ ปัจจัยด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นกระแสการบริโภคผลไม้ ความชอบส่วนบุคคล ผลไม้มีราคาสูง รวมทั้งผลไม้พื้นบ้านที่จะไปหาเก็บกินตามรั้วบ้านก็มีน้อยลง เมื่อไม่มีตามธรรมชาติก็ต้องซื้อกิน

“ซื้อตามร้านค้าที่ตลาด และหนึ่งในนั้นก็คือ รถเข็น ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีมากเพราะทำให้ประชาชนได้เข้าถึงการบริโภคผลไม้ แต่การขายของรถเข็นก็เหมือนกับตลาด ร้านค้าที่บางครั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควบคุมได้ไม่ทั่วถึง ซึ่งทำให้ผู้ขายบางรายไม่คำนึงถึงผู้บริโภค จึงเกิดปัญหาตามมา”

การขายผลไม้ในรถเข็น หลัก ๆ มีอยู่ 2 รูปแบบด้วยกัน รูปแบบแรกมีลักษณะเป็นพ่อค้าคนกลาง ที่เป็นเจ้าของรถเข็นผลไม้หลายคัน โดยไปซื้อผลไม้จากที่ใดก็แล้วแต่ นำมาล้างจัดเรียงใส่รถเข็นเสร็จเรียบร้อยพร้อมที่จะไปขาย แล้วก็มีคนหรือลูกจ้างมารับเพื่อนำไปขาย โดยกระจายไปทั่วในพื้นที่ต่าง ๆ บริเวณใกล้เคียง หรือในแหล่งชุมชน

ส่วนอีกรูปแบบจะเป็นรถเข็นของตัวเองไม่ได้ไปรับจากใคร ซื้อผลไม้เอง นำมาทำเองและขายด้วยตัวเอง ซึ่งทั้ง 2 ช่องทางนี้ ถ้าไม่ได้มีการควบคุมอย่างใกล้ชิด และไม่มีการดูแล หรือไม่มีการอบรมผู้ประกอบการแล้วนั้น โอกาสที่ผู้บริโภคจะเสี่ยงต่อการได้รับสารปนเปื้อนจากผลไม้ และได้รับผลไม้ที่ไม่ถูกสุขลักษณะย่อมมีสูง

ในปัจจุบันพบว่าผู้บริโภคผลไม้จากรถเข็นมีความเสี่ยงอยู่หลายประการด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ผลไม้ที่ปนเปื้อนจากสารจุลินทรีย์เชื้อโรคต่าง ๆ ที่เกิดจากการที่แม่ค้า พ่อค้า ที่ไม่เตรียมผลไม้ อุปกรณ์ต่าง ๆ ให้สะอาดพอ หรือไม่ให้ความสำคัญจึงทำให้มีเชื้อจุลินทรีย์ปนเปื้อนมาในผลไม้ได้

รวมทั้งสารเคมีต่าง ๆ ที่ผู้ขายนำมาใช้เพื่อให้ผลไม้มีคุณลักษณะที่น่ากิน ตรงนี้เมื่อตรวจจะพบบ่อยครั้งซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคได้รับสารเหล่านี้สะสมอยู่ในร่างกาย ที่สามารถนำไปสู่โรคมะเร็งหรือโรคอื่น ๆ ได้ ส่วนใหญ่จะเป็นพวก สารกันบูดฟอร์มาลิน อาจ จะไม่ค่อยพบมากนักแต่ก็อาจมี บางรายใส่เข้าไปเพื่อให้ผลไม้แล ดูสดตลอดเวลา น่าทาน

ยังมี สีผสมอาหาร โดยสีประเภทนี้ไม่ใช่สีจากธรรมชาติไม่ใช่สีจากผลไม้ ซึ่งผู้บริโภคก็ไม่สามารถแยกได้ว่าสีที่ใช้นั้นเป็นสีอะไร เป็นสีของผลไม้จริง ๆ หรือสีผสมอาหารที่ใช้ไม่ได้หรือสีย้อมผ้า จึงต้องระมัดระวังในส่วนนี้ด้วย

รวมไปถึง สารผงกรอบหรือสารบอแรกซ์ เพื่อจะให้เกิดความกรอบ ทำให้ขายดีมากยิ่งขึ้น โดยสารกลุ่มนี้เมื่อเข้าสู่ร่างกายมากจนเกินไป ทำให้เกิดความผิดปกติในระบบทางเดินอาหารได้ สารให้ความหวาน จำพวก แอสปาเทมซัคคาริน เป็นสารเคมีอีกชนิดที่มีอยู่ในผลไม้ที่ขายในรถเข็น ซึ่งสามารถบริโภคได้แต่ถ้าบริโภคบ่อย ๆ ติดต่อกันนาน ๆ เป็นประจำก็จะนำไปสู่ความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร มีการสะสมในร่างกายและนำไปสู่การเป็นโรคมะเร็งได้ด้วยเช่นกัน

“อีกประเด็นหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม คือ ผู้ประกอบการ ตรงนี้คงขึ้นอยู่กับสุขนิสัยส่วนบุคคล ไม่ว่าจะเป็นมือที่ไปหยิบจับผลไม้ หรือจะเป็นสุขภาพของผู้ขาย รวมทั้งอุปกรณ์ที่ใช้ทั้งหมดล้วนทำให้เกิดการปนเปื้อนของเชื้อโรคได้ทั้งสิ้น ฉะนั้น ผู้ประกอบการจึงต้องให้ความใส่ใจในการประกอบอาชีพด้วยเพราะถ้าควบคุมตรงนี้ได้ ก็จะสามารถควบคุมความปลอดภัยของผู้บริโภคได้ด้วยเช่นกัน”

เมื่อเป็นเช่นนี้ ทางออกของผู้บริโภคในการเลือกซื้อผลไม้จากรถเข็นมาทาน อ.สง่า กล่าวว่า ประการแรก คือ ถ้าเป็นไปได้ควรเลือกทานผลไม้สดมากกว่าผลไม้ดองหรือแช่อิ่ม เช่น ฝรั่ง มะละกอ ชมพู่ สับปะรด แตงโม แคนตาลูป เพราะจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องสารปนเปื้อนที่เป็นจำพวกสารเคมี รวมทั้งรอดพ้นจากสารกันบูดอย่างแน่นอน และที่สำคัญ การทานผลไม้สดจะทำให้ได้รับวิตามินและแร่ธาตุ รวมทั้งสารอาหารจากผลไม้ได้มากกว่าผลไม้ดอง โดยเฉพาะวิตามินซี ที่มีในผลไม้สดมากกว่าผลไม้ดองหลายเท่า

“หากต้องการทานผลไม้ดอง จำเป็นต้องสังเกตในเรื่องของความสะอาด โดยดูว่าผู้ขายแต่งตัวเป็นอย่างไร มีผ้ากันเปื้อนหรือไม่ สุขภาพเป็นอย่างไร มือมีแผลหรือไม่ เมื่อหยิบจับผลไม้มีการสวมใส่ถุงมือหรือล้างมือหรือไม่ ใช้ผ้าเช็ดมือผืนเดียวเช็ดทุกอย่างหรือไม่ ในส่วนของรถเข็นสะอาดหรือไม่ ตลอดจนการจัดวางและความสดของผลไม้ด้วย โดยจะต้องสังเกตในหลาย ๆ ด้าน”

ในส่วนของผลไม้ดองไม่แนะนำให้บริโภคเพราะจะได้คุณค่าทางโภชนาการน้อยมาก เสี่ยงต่อการได้รับสารปนเปื้อนสูง และที่สำคัญการกินผลไม้ดองสิ่งหนึ่งที่จะเข้าไปในร่างกายด้วย คือ ความเค็ม โดยเฉพาะโซเดียมที่มีอยู่ในผลไม้ดอง ฉะนั้นการกินผลไม้ดองบ่อย ๆ ทำให้ร่างกายมีโอกาสได้รับโซเดียมสูงไปด้วยโดยจะทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูง และไตทำงานหนัก เพราะยิ่งไตทำงานหนัก ความดันโลหิตสูงก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น

อีกประการหนึ่งที่อยากเตือน คือ การกินผลไม้ ถ้ามีรสที่พอดีอยู่แล้ว ซึ่งไม่ถึงกับเปรี้ยวมาก หรือจืดจนเกินไป ไม่ควรจิ้มพริกเกลือ เพราะจะได้ความเค็มไปโดยไม่รู้ตัว ส่งผลให้เกิดความดันโลหิตสูงได้ ต่อมา คือ จะได้รับน้ำตาลไปโดยใช่เหตุ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดภาวะอ้วน การกินผลไม้สดโดยไม่ต้องจิ้มพริกเกลือเป็นการทานผลไม้ที่ถูกต้องและเกิดประโยชน์กับร่างกายสูงสุด

โดยผลไม้ที่ควรเลือกทาน แบ่งตามระดับความหวานได้ 3 ประเภท จำพวกแรก คือ หวานจัด ได้แก่ ทุเรียน ขนุนสุก มะม่วงสุก ลิ้นจี่ ลำไย สามารถกินได้เป็นครั้งคราว เพราะทำให้อ้วนได้ ถ้าร่างกายนำไปใช้ไม่หมด

ต่อมาหวานปานกลาง ได้แก่ มะละกอ ส้ม สับปะรด เงาะ กลุ่มนี้ทานได้ แต่อย่าบ่อยมากนัก สุดท้าย หวานน้อย ได้แก่ ส้มโอ ฝรั่ง แอปเปิ้ล แก้วมังกร ชมพู่ ลูกแพร ลูกพีช กลุ่มนี้ทานได้เป็นประจำ ทานได้ทุกเพศ ทุกวัย ยิ่งทานได้ทุกวันยิ่งดี เพราะดีต่อสุขภาพ สามารถใช้ลดน้ำหนักได้ด้วยในกลุ่มคนที่ต้องการลดน้ำหนักส่วนเกินควรทานสลับกันพยายามอย่าทานผลไม้ซ้ำกันทุกวัน ควรเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ โดยกินให้หลากหลายชนิด เพื่อจะได้รับสารอาหารที่หลากหลายด้วยเช่นกัน โดยเลือกทานในกลุ่มผลไม้ที่หวานน้อยจะเป็นประโยชน์กับร่างกายมากที่สุด

การทานผลไม้เป็นเรื่องที่ดี เป็นเรื่องที่อยากส่งเสริมอยากให้หันมากินผลไม้แทนอาหารว่างแทนขนมหวานเพื่อสุขภาพที่ดี แต่ถ้าตัดสินใจจะซื้อผลไม้จากรถเข็นเมื่อไร ต้องคำนึงถึงในหลาย ๆ ด้านจะต้องสังเกตให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อ ซึ่งการหลีกเลี่ยงสารปนเปื้อนจากผลไม้โดยการซื้อผลไม้สดมาทำกินเองจะเป็นวิธีที่ดีและปลอดภัยที่สุด

http://www.lovefitt.com

http://www.econ.mju.ac.th/econroom/?p=2952

พลังงานในผลไม้รถเข็น และ “พริก-เกลือความอ้วนเเจกฟรี”
ในผลไม้ที่เราทานกัน ตามรถเข็นที่หาซื้อได้ง่ายๆหน้าออฟฟิตนั้น ก็ถือว่าเป็นอาหารว่างที่เหมาะมากสำหรับคนที่รักสุขภาพ และผู้ที่กำลังควบคุมน้ำหนัก เเต่สิ่งที่เราต้องคำนึงเช่นกัน คือพลังงานในผลไม้เเต่ละชนิด เพื่อที่จะควบคุมไม่ให้เรารับประทานมากจนเกินไป เเต่ทว่า พลังงานในผลไม้นั้นยังถือว่าเป็นพลังงานที่ไม่สูงมาก ถ้าเทียบกับสิ่งที่เเถมมากับผลไม้รถเข็นที่น่ากลัวกว่า นั้นคือ เครื่องจิ้มต่างๆ หลายคนเสพติดรสชาติเค็มๆหวานๆเผ็ดของ พริกเกลือ เเละน้ำปลาหวาน ผงบ๊วย โดยไม่ทราบเลยว่าเจ้าสิ่งเหล่านี้หล่ะที่เป็น “ความอ้วนเเจกฟรี” ดังนั้นถ้าหากจะทานผลไม้แล้วจงตัดรสชาติของเครื่องจิ้มต่างๆออกให้ได้มากที่สุด เราก็จะสารมารถลดพลังงานเเฝงที่มากับผลไม้ที่มีปะโยชน์ได้หลาย kcal เลยทีเดียว

อันตรายจากผลไม้รถเข็น

การกินผลไม้เป็นเรื่องที่ดีและน่าส่งเสริม แต่ต้องดูองค์ประกอบหลาย ๆ อย่างจากแหล่งที่ซื้อผลไม้เหล่านั้นด้วยถึงจะได้รับคุณค่าจากผลไม้อย่างแท้จริง

หลังจากเจ้าหน้าที่ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ มหาวิทยาลัยสยาม ได้เก็บตัวอย่างผลไม้รถเข็นจากแหล่งจำหน่าย 38 แหล่ง ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อทดสอบการปนเปื้อนในอาหาร (Test Kit) ของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ 4 รายการ ได้แก่ ชุดทดสอบหายาฆ่าแมลงในอาหาร ชุดทดสอบกรดซาลิซิลิคในอาหาร (สารกันรา) ชุดทดสอบสีสังเคราะห์ในอาหาร และชุดทดสอบโคลิฟอร์มในอาหาร (เชื้อจุลินทรีย์)

ปรากฏว่าพบผลไม้ 153 ตัวอย่าง มีการปนเปื้อนของแบคทีเรียโคลิฟอร์มเกินกว่ามาตรฐานกำหนดถึงร้อยละ 67.3 โดยพบการปนเปื้อนของสีสังเคราะห์ ในตัวอย่างผลไม้ 161 ตัวอย่าง ถึง 16.2 เปอร์เซ็นต์ และพบการปนเปื้อนของสารกันราหรือซาลิซิลิค ร้อยละ 40.7

ส่วนผลไม้แปรรูปจำพวกของดองพบการปนเปื้อนหรือเจือปนของสารเคมีที่อาจเป็นอันตรายถึงร้อยละ 64.2 ส่วนใหญ่เป็นฝรั่งดองบ๊วยที่มีสีเขียวเข้มและสีแดงเข้มจนม่วง แบ่งเป็นการปนเปื้อนของสีสังเคราะห์ ร้อยละ 32.1 และปน เปื้อนสารกันรา ร้อยละ 32.1 แต่ไม่พบการปนเปื้อนยาฆ่าแมลงในผลไม้สดอ.สง่า ดามาพงษ์ ผู้จัดการโภชนาการสมวัย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และกรมอนามัย ให้ความรู้เกี่ยวกับการบริโภคผลไม้ในรถเข็นว่า ทุกวันนี้การบริโภคผลไม้ของคนไทยมีแนวโน้มลดลง เนื่องมาจากหลาย ๆ ปัจจัยด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นกระแสการบริโภคผลไม้ ความชอบส่วนบุคคล ผลไม้มีราคาสูง รวมทั้งผลไม้พื้นบ้านที่จะไปหาเก็บกินตามรั้วบ้านก็มีน้อยลง เมื่อไม่มีตามธรรมชาติก็ต้องซื้อกิน

“ซื้อตามร้านค้าที่ตลาด และหนึ่งในนั้นก็คือ รถเข็น ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีมากเพราะทำให้ประชาชนได้เข้าถึงการบริโภคผลไม้ แต่การขายของรถเข็นก็เหมือนกับตลาด ร้านค้าที่บางครั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควบคุมได้ไม่ทั่วถึง ซึ่งทำให้ผู้ขายบางรายไม่คำนึงถึงผู้บริโภค จึงเกิดปัญหาตามมา”

การขายผลไม้ในรถเข็น หลัก ๆ มีอยู่ 2 รูปแบบด้วยกัน รูปแบบแรกมีลักษณะเป็นพ่อค้าคนกลาง ที่เป็นเจ้าของรถเข็นผลไม้หลายคัน โดยไปซื้อผลไม้จากที่ใดก็แล้วแต่ นำมาล้างจัดเรียงใส่รถเข็นเสร็จเรียบร้อยพร้อมที่จะไปขาย แล้วก็มีคนหรือลูกจ้างมารับเพื่อนำไปขาย โดยกระจายไปทั่วในพื้นที่ต่าง ๆ บริเวณใกล้เคียง หรือในแหล่งชุมชน

ส่วนอีกรูปแบบจะเป็นรถเข็นของตัวเองไม่ได้ไปรับจากใคร ซื้อผลไม้เอง นำมาทำเองและขายด้วยตัวเอง ซึ่งทั้ง 2 ช่องทางนี้ ถ้าไม่ได้มีการควบคุมอย่างใกล้ชิด และไม่มีการดูแล หรือไม่มีการอบรมผู้ประกอบการแล้วนั้น โอกาสที่ผู้บริโภคจะเสี่ยงต่อการได้รับสารปนเปื้อนจากผลไม้ และได้รับผลไม้ที่ไม่ถูกสุขลักษณะย่อมมีสูง

ในปัจจุบันพบว่าผู้บริโภคผลไม้จากรถเข็นมีความเสี่ยงอยู่หลายประการด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ผลไม้ที่ปนเปื้อนจากสารจุลินทรีย์เชื้อโรคต่าง ๆ ที่เกิดจากการที่แม่ค้า พ่อค้า ที่ไม่เตรียมผลไม้ อุปกรณ์ต่าง ๆ ให้สะอาดพอ หรือไม่ให้ความสำคัญจึงทำให้มีเชื้อจุลินทรีย์ปนเปื้อนมาในผลไม้ได้

รวมทั้งสารเคมีต่าง ๆ ที่ผู้ขายนำมาใช้เพื่อให้ผลไม้มีคุณลักษณะที่น่ากิน ตรงนี้เมื่อตรวจจะพบบ่อยครั้งซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคได้รับสารเหล่านี้สะสมอยู่ในร่างกาย ที่สามารถนำไปสู่โรคมะเร็งหรือโรคอื่น ๆ ได้ ส่วนใหญ่จะเป็นพวก สารกันบูดฟอร์มาลิน อาจ จะไม่ค่อยพบมากนักแต่ก็อาจมี บางรายใส่เข้าไปเพื่อให้ผลไม้แล ดูสดตลอดเวลา น่าทาน

ยังมี สีผสมอาหาร โดยสีประเภทนี้ไม่ใช่สีจากธรรมชาติไม่ใช่สีจากผลไม้ ซึ่งผู้บริโภคก็ไม่สามารถแยกได้ว่าสีที่ใช้นั้นเป็นสีอะไร เป็นสีของผลไม้จริง ๆ หรือสีผสมอาหารที่ใช้ไม่ได้หรือสีย้อมผ้า จึงต้องระมัดระวังในส่วนนี้ด้วย

รวมไปถึง สารผงกรอบหรือสารบอแรกซ์ เพื่อจะให้เกิดความกรอบ ทำให้ขายดีมากยิ่งขึ้น โดยสารกลุ่มนี้เมื่อเข้าสู่ร่างกายมากจนเกินไป ทำให้เกิดความผิดปกติในระบบทางเดินอาหารได้ สารให้ความหวาน จำพวก แอสปาเทมซัคคาริน เป็นสารเคมีอีกชนิดที่มีอยู่ในผลไม้ที่ขายในรถเข็น ซึ่งสามารถบริโภคได้แต่ถ้าบริโภคบ่อย ๆ ติดต่อกันนาน ๆ เป็นประจำก็จะนำไปสู่ความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร มีการสะสมในร่างกายและนำไปสู่การเป็นโรคมะเร็งได้ด้วยเช่นกัน

“อีกประเด็นหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม คือ ผู้ประกอบการ ตรงนี้คงขึ้นอยู่กับสุขนิสัยส่วนบุคคล ไม่ว่าจะเป็นมือที่ไปหยิบจับผลไม้ หรือจะเป็นสุขภาพของผู้ขาย รวมทั้งอุปกรณ์ที่ใช้ทั้งหมดล้วนทำให้เกิดการปนเปื้อนของเชื้อโรคได้ทั้งสิ้น ฉะนั้น ผู้ประกอบการจึงต้องให้ความใส่ใจในการประกอบอาชีพด้วยเพราะถ้าควบคุมตรงนี้ได้ ก็จะสามารถควบคุมความปลอดภัยของผู้บริโภคได้ด้วยเช่นกัน”

เมื่อเป็นเช่นนี้ ทางออกของผู้บริโภคในการเลือกซื้อผลไม้จากรถเข็นมาทาน อ.สง่า กล่าวว่า ประการแรก คือ ถ้าเป็นไปได้ควรเลือกทานผลไม้สดมากกว่าผลไม้ดองหรือแช่อิ่ม เช่น ฝรั่ง มะละกอ ชมพู่ สับปะรด แตงโม แคนตาลูป เพราะจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องสารปนเปื้อนที่เป็นจำพวกสารเคมี รวมทั้งรอดพ้นจากสารกันบูดอย่างแน่นอน และที่สำคัญ การทานผลไม้สดจะทำให้ได้รับวิตามินและแร่ธาตุ รวมทั้งสารอาหารจากผลไม้ได้มากกว่าผลไม้ดอง โดยเฉพาะวิตามินซี ที่มีในผลไม้สดมากกว่าผลไม้ดองหลายเท่า

“หากต้องการทานผลไม้ดอง จำเป็นต้องสังเกตในเรื่องของความสะอาด โดยดูว่าผู้ขายแต่งตัวเป็นอย่างไร มีผ้ากันเปื้อนหรือไม่ สุขภาพเป็นอย่างไร มือมีแผลหรือไม่ เมื่อหยิบจับผลไม้มีการสวมใส่ถุงมือหรือล้างมือหรือไม่ ใช้ผ้าเช็ดมือผืนเดียวเช็ดทุกอย่างหรือไม่ ในส่วนของรถเข็นสะอาดหรือไม่ ตลอดจนการจัดวางและความสดของผลไม้ด้วย โดยจะต้องสังเกตในหลาย ๆ ด้าน”

ในส่วนของผลไม้ดองไม่แนะนำให้บริโภคเพราะจะได้คุณค่าทางโภชนาการน้อยมาก เสี่ยงต่อการได้รับสารปนเปื้อนสูง และที่สำคัญการกินผลไม้ดองสิ่งหนึ่งที่จะเข้าไปในร่างกายด้วย คือ ความเค็ม โดยเฉพาะโซเดียมที่มีอยู่ในผลไม้ดอง ฉะนั้นการกินผลไม้ดองบ่อย ๆ ทำให้ร่างกายมีโอกาสได้รับโซเดียมสูงไปด้วยโดยจะทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูง และไตทำงานหนัก เพราะยิ่งไตทำงานหนัก ความดันโลหิตสูงก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น

อีกประการหนึ่งที่อยากเตือน คือ การกินผลไม้ ถ้ามีรสที่พอดีอยู่แล้ว ซึ่งไม่ถึงกับเปรี้ยวมาก หรือจืดจนเกินไป ไม่ควรจิ้มพริกเกลือ เพราะจะได้ความเค็มไปโดยไม่รู้ตัว ส่งผลให้เกิดความดันโลหิตสูงได้ ต่อมา คือ จะได้รับน้ำตาลไปโดยใช่เหตุ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดภาวะอ้วน การกินผลไม้สดโดยไม่ต้องจิ้มพริกเกลือเป็นการทานผลไม้ที่ถูกต้องและเกิดประโยชน์กับร่างกายสูงสุด

โดยผลไม้ที่ควรเลือกทาน แบ่งตามระดับความหวานได้ 3 ประเภท จำพวกแรก คือ หวานจัด ได้แก่ ทุเรียน ขนุนสุก มะม่วงสุก ลิ้นจี่ ลำไย สามารถกินได้เป็นครั้งคราว เพราะทำให้อ้วนได้ ถ้าร่างกายนำไปใช้ไม่หมด

ต่อมาหวานปานกลาง ได้แก่ มะละกอ ส้ม สับปะรด เงาะ กลุ่มนี้ทานได้ แต่อย่าบ่อยมากนัก สุดท้าย หวานน้อย ได้แก่ ส้มโอ ฝรั่ง แอปเปิ้ล แก้วมังกร ชมพู่ ลูกแพร ลูกพีช กลุ่มนี้ทานได้เป็นประจำ ทานได้ทุกเพศ ทุกวัย ยิ่งทานได้ทุกวันยิ่งดี เพราะดีต่อสุขภาพ สามารถใช้ลดน้ำหนักได้ด้วยในกลุ่มคนที่ต้องการลดน้ำหนักส่วนเกินควรทานสลับกันพยายามอย่าทานผลไม้ซ้ำกันทุกวัน ควรเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ โดยกินให้หลากหลายชนิด เพื่อจะได้รับสารอาหารที่หลากหลายด้วยเช่นกัน โดยเลือกทานในกลุ่มผลไม้ที่หวานน้อยจะเป็นประโยชน์กับร่างกายมากที่สุด

การทานผลไม้เป็นเรื่องที่ดี เป็นเรื่องที่อยากส่งเสริมอยากให้หันมากินผลไม้แทนอาหารว่างแทนขนมหวานเพื่อสุขภาพที่ดี แต่ถ้าตัดสินใจจะซื้อผลไม้จากรถเข็นเมื่อไร ต้องคำนึงถึงในหลาย ๆ ด้านจะต้องสังเกตให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อ ซึ่งการหลีกเลี่ยงสารปนเปื้อนจากผลไม้โดยการซื้อผลไม้สดมาทำกินเองจะเป็นวิธีที่ดีและปลอดภัยที่สุด