Social Icons

วันจันทร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

อาหารเสริมแอล-คาร์นิทีน ทานแล้วเสี่ยงเส้นเลือดอุดตัน


อาหารเสริมแอล-คาร์นิทีน ทานแล้วเสี่ยงเส้นเลือดอุดตัน

อาหารเสริมลดน้ำหนัก วิตามินลดสัดส่วน เครื่องดื่มผสมแอล-คาร์นิทีน...ทางลัดลดความอ้วนเหล่านี้กำลังขายดีเป็นเทน้ำเทท่าในสังคมปัจจุบันที่ผู้หญิงส่วนหนึ่งมองว่า ต้องมีหุ่นเพรียวสวยเท่านั้น จึงจะดูดี แต่ภายใต้คำโฆษณาเหล่านั้นกลับมีพิษภัยต่อสุขภาพแฝงอยู่อย่างคาดไม่ถึง!!!

          ทั้งนี้ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการโรคทางสมอง คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ข้อมูลว่า วารสาร "เนเจอร์" ซึ่งเป็นวารสารทางการแพทย์ชั้นนำของสหรัฐอเมริกา ได้รายงานว่า เมื่อไม่นานมานี้เพิ่งมีการวิจัยค้นพบว่า สารแอล-คาร์นิทีน และโคลีน ที่ปัจจุบันถูกนำมาใช้เป็นอาหารเสริมลดน้ำหนัก ลดความอ้วน ช่วยทำให้ผู้หญิงมีหุ่นเพรียวกระชับ เพิ่มการเผาผลาญนั้น แท้ที่จริงแล้วอาจทำให้ผู้รับประทานเกิดเส้นเลือดอุดตันได้

          โดย ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการโรคทางสมอง อธิบายให้ฟังว่า สารแอล-คาร์นิทีน (L-carnitine) เป็นสารตามธรรมชาติจะอยู่ในเนื้อสัตว์ เนื้อแดง ถั่ว เป็นต้น แต่ละวันเราจะได้รับสารแอล-คาร์นิทีน จากการทานอาหารปกติ 20-200 มก. ส่วนอาหารเสริมแอล-คาร์นิทีน 1 เม็ด อาจมีแอล-คาร์นิทีน มากถึง 500 มก. ดังนั้น หากรับประทานเนื้อสัตว์ ซึ่งมีแอล-คาร์นิทีนอยู่แล้ว และยังทานอาหารเสริมที่มีแอล-คาร์นิทีนเข้าไปอีก ถือว่าเกินความต้องการของร่างกาย แล้วสารนี้จะไปเปลี่ยนจุลินทรีย์ในลำไส้ให้เป็นสารพิษชนิดหนึ่ง ซึ่งจะไปเร่งทำให้เกิดเส้นเลือดอุดตัน มีผลต่อเส้นเลือดสมองและหัวใจได้
 ศ.นพ.ธีระวัฒน์ ยังระบุต่อว่า แต่สำหรับคนที่ทานมังสวิรัติ จะได้รับแอล-คาร์นิทีน เพียงวันละ 1 มก. เท่านั้น ซึ่งเมื่อไปดูผลวิจัยเรื่องนี้ ในกลุ่มคนที่ทานมังสวิรัติ กลับพบว่า จุลินทรีย์ในลำไส้จะไม่เปลี่ยนแอล-คาร์นิทีนให้เป็นสารพิษ เพราะจุลินทรีย์ในลำไส้ของคนที่ไม่กินเนื้อสัตว์จะต่างกับจุลินทรีย์ของคนที่กินเนื้อสัตว์นั่นเอง

          อย่างไรก็ตาม ในงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับสารแอล-คาร์นิทีนชิ้นอื่น ยังพบว่า หากผู้ป่วยโรคเส้นเลือดหัวใจ-สมองตีบตันอยู่ก่อนแล้ว การได้รับสารแอล-คาร์นิทีนเพิ่ม จะช่วยลดอาการเจ็บแน่นหน้าอกได้บ้าง

          เมื่อมีผลวิจัยออกมาเช่นนี้ ก็ทำให้หลายประเทศที่อนุญาตให้สารแอล-คาร์นิทีน เป็นอาหารเสริมในผลิตภัณฑ์หลายประเภท ต้องมาพิจารณากันอีกครั้ง สำหรับประเทศไทยเอง ทาง ศ.นพ.ธีระวัฒน์ ก็เรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมากำกับ และควบคุมโฆษณาผลิตภัณฑ์อาหารเสริมต่าง ๆ ซึ่งปัจจุบันวางขายกันเป็นจำนวนมาก และหลายชนิดก็ไม่มีงานวิจัยรองรับชัดเจนว่าใช้ได้ผลจริง เพื่อป้องกันการโฆษณาเกินจริงจนเกินไป