Social Icons

วันพุธที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ความเครียดส่งผลต่อสุขภาพอย่างไร




คุณเป็นคนขี้กังวลมากเกินไปหรือเปล่า เพราะอาการขี้กังวล เช่น กลัวว่างานจะมีปัญหา หรือคิดกลุ้มใจซ้ำๆ กับเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นประจำ สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดความเครียดได้ ยิ่งถ้าคุณกังวลมากขึ้น สุดท้ายแล้วมันจะนำไปสู่ความสับสน และอาจทำให้ร่างกายป่วยได้ด้วย

เครียดมากเกินไป แล้วเป็นอย่างไร 

สิ่งที่จะกระทบต่อร่างกายก็คือ ระบบการย่อยอาหาร ลักษณะการดำเนินชีวิต ความสัมพันธ์ส่วนตัว การนอนหลับ ตลอดจนศักยภาพในการทำงาน ยิ่งกังวลมากเท่าไหร่ ชีวิตก็จะยิ่งเครียดมากเท่านั้น บางรายอาจต้องสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์คลายเครียด รวมไปถึงกินมากเกินไปจนทำให้อ้วนได้ 

เครียดมากๆ แล้วป่วยได้ไหม 

คำตอบก็คือได้ ยิ่งถ้าคุณเครียดมากจนเกินควร หรือบ่อยๆ จะส่งผลต่อสุขภาพได้ เพราะร่างกายปล่อยฮอร์โมนความเครียดอย่าง คอร์ติซอลออกมา ฮอร์โมนนี้จะเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด และไตรกรีเซอไรด์ จึงส่งผลกระทบต่อร่างกาย ได้แก่ กินอาหารได้น้อย วิงเวียน ปากแห้ง หัวใจเต้นเร็ว เหนื่อยง่าย ปวดศีรษะ ไม่มีสมาธิ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ท้องเสีย วิตกกังวล หายใจเร็ว เหงื่อออกไม่หยุด ตลอดจนตัวสั่น ใจสั่น และยิ่งถ้าฮอร์โมนความเครียดเพิ่มมากขึ้น ร่างกายก็จะยิ่งเครียดจนอาจเกิดอาการอันตราย ได้แก่ ส่งผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกัน อาหารไม่ย่อย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อรุนแรง ความจำสั้น ไปจนถึงขั้นหัวใจวาย

ใช้ชีวิตแบบไหน ไม่ตกเป็นทาสความเครียด

เป็นเรื่องสำคัญมากที่คนเราต้องควบคุมความเครียดให้ได้ เพราะความเครียดนั้นส่งผลต่อระบบการทำงานของร่างกายได้ทั้งหมด สำหรับใครที่รู้สึกว่าตัวเองเครียดมากเกินไป เรามีทางเลือกง่ายๆ เพื่อให้คุณได้ดูแลร่างกาย และจิตใจ ให้สมบูรณ์แข็งแรงอยู่เสมอ 

  • ออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน เริ่มต้นแบบง่ายๆ ไปก่อน ไม่ต้องหักโหมมาก ทั้งนี้ การออกกำลังกายจะช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายทำงานได้ดีขึ้น ลองเริ่มด้วยการเต้นแอโรบิกเล็กๆ น้อยๆ หรือเด่นเล่นในสวนสาธารณะ คำแนะนำของเราคือ เมื่อใดก็ตามที่รู้สึกเครียด ให้ไปออกกำลังกายเสีย จะช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย ไม่หมกหมุ่นกับเรื่องทีคุณกังวลอยู่ขึ้นได้มากทีเดียว
  • ดูแลเรื่องอาหารการกิน คนบางคนเวลาเครียด ก็กินอาหารไม่ลง บางคนก็กินมากเกินไป และบางคนก็มีแนวโน้มจะกินอาหารที่ไม่ดีต่อร่างกาย เนื่องจากเครียดจัดจนไม่มีเวลาสรรหาอาหารที่ดีพอมารับประทาน คำแนะนำของเราคือ ไม่ควรปล่อยให้ตัวเองเครียดเกินไป และหยุดคิดก่อนจะเลือกทานอาหาร สำหรับอาหารที่เป็นตัวช่วยลดความเครียดได้ เช่น กล้วย นม ช็อกโกแลต เป็นต้น แต่ก็ต้องทานในปริมาณที่พอดี 
  • ดื่มเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีนแต่พอประมาณ ชา กาแฟมีสารช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความเสื่อมของร่างกายแล้ว ส่วนกาเฟอีนมีฤทธิ์ช่วยกระตุ้นร่างกายและสมองแบบอ่อนๆ ทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า ผ่อนคลาย โดยเฉพาะกลิ่นหอมของกาแฟ จะทำให้คุณรู้สึกสดชื่นได้มากขึ้น ควรดื่มกาแฟในปริมาณที่พอเหมาะสำหรับบุคลทั่วไปคือ นั่นคือ ไม่ควรเกินวันละ 3 แก้ว
  • ตระหนักรู้ว่าตัวเองกังวลเรื่องอะไร ในแต่ละวัน เราอยากให้คุณหาเวลาอยู่กับตัวเองอย่างน้อยๆ 15 นาที ปล่อยให้ตัวเองคิดเรื่องปัญหาหรือความกังวลอย่างเต็มที่ และมีสมาธิในการหาทางแก้ปัญหา แต่พบครบ 15 นาทีแล้ว เราอยากให้คุณเปลี่ยนไปคิดเรื่องอื่น และทำใจให้สบาย คุณตระหนักรู้ได้ว่าปัญหามีอยู่ แต่ไม่จำเป็นต้องนึกถึงมันตลอดเวลา
  • เรียนรู้ที่จะผ่อนคลาย เคล็ดลับง่ายๆ ที่เราพอจะบอกคุณได้ก็คือ ถ้าเครียดมากให้ลองหลับตาลง แล้วหายใจเข้าออกช้าๆ ลึกๆ โดยพยายามหายใจเข้าให้ลงมาที่ท้อง และหายใจออกให้ยาวที่สุด คุณยังอาจเลือกฟังเพลงเพราะๆ เบาสบาย ไปเล่นโยคะ ไทชิ หรือดื่มเครื่องดื่มร้อนๆ