แม้ใครๆ จะเรียกผู้หญิงคนนี้ว่า “ป้าจิ๊” จนติดปาก แต่ตัวจริงของอัจฉราพรรณ ไพบูลย์สุวรรณ ดูอ่อนวัยเกินกว่าคำว่าป้าหลายช่วงตัว เพราะไม่เพียงแต่หน้าตาที่สดใสแบบคนสุขภาพดีแล้ว รูปร่างก็ยังดูดีและแข็งแรง ซึ่งนั่นล้วนเป็นผลจากการเล่นโยคะมาตลอดหลายปี
“เริ่มฝึกโยคะเมื่ออายุ 52 ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยออกกำลังกายอะไรเลย แต่ก็ไม่เคยทำร้ายร่างกายตัวเอง เพราะไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ และเป็นมังสะวิรัติมาตั้งแต่ปี 2527” ป้าจิ๊เล่าถึงเคล็ดลับสุขภาพในการดูแลตัวเองว่า สาเหตุที่ป้าจิ๊สนใจเรื่องโยคะทั้งๆ ที่เป็นคนไม่เคยออกกำลังกายมาก่อน เป็นเพราะคุณตุ๊ก ดวงตา ตุงคะมณี มาเล่าให้ฟังเรื่องโยคะร้อน เลยทำให้เกิดความสนใจ และจากจุดเริ่มต้นที่คิดแค่ว่า อยากไปลองดู ก็เปิดโอกาสให้ได้สัมผัสกับคุณค่าของศาสตร์แขนงนี้และหลงรักมันอย่างจริงจัง
“ตอนเริ่มฝึกโยคะ ไม่รู้เลยว่าโยคะคืออะไร พอมาเล่นวันแรกก็สาหัสมาก เหนื่อยมาก แต่คิดว่าต้องกลับมาเล่นอีก เพราะเป็นคนทำอะไรทำจริง ทำอะไรก็ตามต้องรู้ให้ลึกซึ้ง หลังจากนั้นพอได้เข้ามาสัมผัสกับโยคะอย่างลึกซึ้งแล้วก็ชอบ เพราะโยคะต้องอยู่กับความสงบ อยู่กับสมาธิ ต้องมีสติในการทำท่าต่างๆ แล้วก็ยิ่งรู้สึกดีขึ้นอีก เพราะโยคะทำให้ร่างกายเราได้สมดุลที่ดี เมื่อเรามีสมาธิที่ดีก็สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการทำงานอาชีพนักแสดงของเราด้วย เพราะต้องใช้สมาธิในการจำบท โดยเฉพาะละครเวที สุดท้ายก็เลยคิดว่าเราก็เหมาะที่จะอยู่กับโยคะ”
เมื่อฝึกฝนโยคะอย่างจริงจังวันละนิด ป้าจิ๊ก็ยิ่งได้สัมผัสกับความรู้สึกสงบ ผ่อนคลาย และการได้อยู่กับตัวเอง จนสุดท้ายก็กลายมาเป็นครูสอนโยคะให้กับคนอื่นๆ ต่อไปอีก
“เพราะเป็นคนเอาจริงเอาจัง ฝึกอย่างจริงจัง และมาเห็นว่าทางสตูดิโอคนเรียนเป็นคนไทย แต่ครูที่สอนเป็นฝรั่ง พูดภาษาอังกฤษ ซึ่งเราก็มองว่าบางทีมันก็เป็นอุปสรรคด้านภาษาสำหรับบางคน ก็เลยลองบอกกับทางสตูดิโอว่า ทำไมไม่ลองหาครูภาษาไทย ทางสตูดิโอก็เลยให้ลองมาสอนดูเลย เมื่อมาเป็นคนสอนเอง เราก็ต้องเตรียมพร้อมมากขึ้นในการดูแลนักเรียนในคลาส เพราะเราต้องส่งพลังไปยังนักเรียน และสื่อคำพูดให้นักเรียนเข้าใจ ต้องคอยดูแลว่าทำถูกทำผิดอย่างไร”
ป้าจิ๊เล่าว่า นักเรียนที่มาเรียนมีตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงอายุ 75 นั่นก็แสดงว่า โยคะเป็นการออกกำลังกายที่คนทุกเพศทุกวัยสามารถเข้าถึงได้
“โยคะสามารถฝึกได้ทุกเพศทุกวัย ทุกอายุ แต่สิ่งที่ทุกคนต้องเตรียมตัวมาก่อน คือ ความตั้งใจจริงที่จะฝึก ความมีวินัย ความมั่นคงและศรัทธาในการฝึก เพราะเมื่อทุกคนฝึกได้เหมือนกัน แม้ว่าแต่ละท่า ทุกคนจะทำได้ไม่เหมือนกัน เพราะขึ้นกับสมาธิ สรีระร่างกาย และความพร้อมของจิตใจในการมาฝึกแต่ละครั้งด้วย แต่โยคะเป็นการออกกำลังกายที่ทุกคนทำได้ และสามารถเล่นได้ไปตลอดชีวิต เพราะเป็นการออกกำลังกายที่ไม่มีการกระแทกหรือเป็นอันตราย แต่เป็นการยืดเหยียด และฝึกการหายใจเข้าออก จึงเป็นการสร้างพลังให้กับชีวิต”
แม้กระทั่งคนเจ็บป่วย ป้าจิ๊ก็บอกว่า โยคะสามารถช่วยได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการปวดหัว ปวดตัว ปวดเข่า เพราะโยคะคือการทำกายภาพบำบัดด้วยตัวเอง ท่าแต่ละท่าจะช่วยในเรื่องของข้อต่อร่างกาย กระดูก เนื้อเยื่อต่างๆ
“การฝึกโยคะจึงไม่ได้แค่รูปร่างดีเท่านั้น แต่ได้ประโยชน์ตั้งแต่ผิวหนังเข้าไปถึงภายในร่างกาย ถึงเซลล์เล็กๆ ทุกเซลล์ และอวัยวะภายในทั้งหมดก็ถูกกระตุ้นจากท่าต่างๆ ของโยคะ แม้แต่ลมหายใจก็ถูกชะล้างให้สะอาดด้วยโยคะได้”