แตงกวาเครื่องสำอางในฝัน
แตงกวาเป็นผักคู่ครัว คู่ข้าวผัด และคู่กับหน้าขาวๆ ของสาวๆ ทั่วโลก เชื่อกันว่าแตงป่าที่ก้นหุบเขาหิมาลัย คือ บรรพบุรุษของเจ้าแตงทั้งหลาย ที่แพร่หลายอยู่ทั่วโลกในขณะนี้ มีหลักฐานการนำมาปลูกเป็นผักในอินเดีย และในอียิปต์ ตั้งแต่เมื่อ 4000 มาแล้ว เป็นที่รู้จักกันมากว่า นอกจากการกินเป็นผักแล้ว การใช้เนื้อผลแตงกวาเป็นยาทางผิวหนัง และเครื่องสำอางได้เป็นอย่างดี เช่น การรักษาผิวหน้าให้อ่อนเยาว์ ลบรอยเหี่ยวย่น ลบรอยแผลเป็น แก้สิว วิธีใช้ส่วนใหญ่ก็จะหั่นแตงกวาเป็นชิ้นบาง ๆ แล้วแปะทิ้งไว้พอกหน้า
การใช้แตงกวาของสาว ๆ ในยุคนั้น จะไม่ใช่ไร้เหตุผลเสียทีเดียว เพราะพบว่าในแตงกวามีสารที่มีประโยชน์ต่อผิวหน้า ทั้งวิตามิน เกลือแร่ อมิโนแอซิด ซึ่งมีสรรพคุณตั้งแตjช่วยให้ผิวหนังอ่อนนุ่มชุ่มชื้น จากการที่แตงกวามีสารกลูซิด อมิโนแอซิด และเกลือแร่ต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยรักษาความชุ่มชื้นไว้ใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวหนังอ่อนนุ่ม คืนความชุ่มชื้นตามธรรมชาติให้กับผิวหน้า นอกจากนี้แล้ว แตงกวายังสารซิสติน (cystin) และเมธิโอนิน (methionin) ทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่น ความยืดหยุ่นนี่แหละสำคัญนัก คือ ถ้ายืดแล้วยืดเลยนี่สิยุ่ง เพราะมันกลายเป็นย่น ดังนั้นจึงมีการใช้แตงกวาลบรอยเหี่ยวย่นมาแต่โบราณกาล
แตงกวา ยังเป็นเครื่องสำอางที่แปลก คือ ช่วยทำให้หน้าชุ่มชื้น แต่ไม่ทำให้หน้ามัน ทั้งยังมีฤทธิ์กระชับรูขุมขนทำให้ผิวนวนเนียน ลดการเกิดสิว ทั้งยังมีฤทธิ์ฆ่าเชื้ออ่อน ๆ แตงกวาจึงเหมาะจะเป็นเครื่องสำอางพอกหน้าของคนเป็นสิว
ปัจจุบันบริษัทเครืองสำอางทั่วโลก ใช้สารสกัดแตงกวาใส่ในครีมต่าง ๆ เช่น ครีมกันแดด ครีมลบรอบเหี่ยวย่น ครีมเพิ่มความชุ่มชื้น ครีมรักษาผิวมัน ครีมลบจุดด่างดำบนใบหน้า นอกจากนี้ยังผสมใส่ในแชมพู และโลชั่นต่าง ๆ ความเข้มของสารสกัดที่ใช้เครื่องสำอางเหล่านั้นอยู่ระหว่าง 1-10% จะว่าไปแล้ว บ้านเรามีแตงกวาอยู่ในครัวอยู่แล้ว หากไม่รู้จักใช้ประโยชน์ก็น่าเสียดาย เพียงเราหั่นแตงกวาตามขวางมาพอกหน้าไว้สักพัก หรือนำแตงกวาปลอกเปลือกแล้ว นำไปปั่นในเครื่องปั่นคั้นเอาแต่น้ำมาทาหน้า น้ำแตงกวาที่ว่านี้ใช้สด ๆ ดีที่สุดแต่ก็สามารถเก็บไว้ใช้ในตู้เย็นได้ประมาณ 2 วัน แต่ถ้าต้องการเก็บไว้นาน ๆ ก็นำแตงกวา 4 ส่วน กลีเซอรีน 3 ส่วน น้ำ 1 ส่วน ปั้นเข้าด้วยกัน จากนั้นกรองผ่านผ้าขาวบางนำน้ำที่กรองได้ เก็บไว้ใช้ได้ประมาณ 1 ปี แต่ควรจะเก็บในที่เย็น เพราะสารในแตงกวาที่มีประโยชน์ต่อผิวหน้าไม่ทนความร้อน
ส่วนท่านที่ต้องการที่จะทำครีมแตงกวาใช้เอง ก็หาครีมหรือโลชั่นแตงกวาที่ใช้กันอยู่แล้ว นำมาเติมแตงกวาในกลีเซอร์รีนสัก 2-4 ช้อนชาต่อ 100 กรัมคนให้เข้ากันเก็บไว้ใช้เป็นครีมแตงกวาทาผิว ปัจจุบันในเมืองไทยมีการนำสารสกัดแตงกวา มาทำเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่หลากหลาย นับเป็นสิ่งดีที่ในสังคมของเรา เริ่มที่จะมาคิดค้น พัฒนา สร้างสรรค์จากสิ่งที่เรามี ไม่ใช่เอาแต่ซื้อ ๆ และการซื้อของคนในบ้านเรานั้นบางครั้งก็จำเป็น บางครั้งก็ไม่จำเป็น การซื้อที่แพงและไม่จำเป็นก็คงเป็นการซื้อยี่ห้อ เครื่องสำอางสูตรเดียวกัน ต้นทุนเท่ากันราคาอาจจะแตกต่างกันเป็นสิบเท่า และถ้าผู้บริโภคทราบราคาต้นทุนวัตถุดิบของเครื่องสำอางต่าง ๆ แล้วจะตกใจว่าจริง ๆ แล้วเราจ่ายเป็นค่าความมั่นใจแพงจริง ๆ แต่บางทีเราก็ไม่สามารถจะเลี่ยงได้ ก็ขอให้คิดถึงของไทย ๆ เลือกของที่คนไทยทำ ในยามที่ชาติเกิดวิกฤติเช่นนี้ การปอกแตงกวาปั่นคั้นออกมาเป็นน้ำ ปรุงแต่งให้สาวไทยใช้ได้อย่างคงความเป็นแตงกวาเอาไว้ เป็นกิจกรรมที่น่าชมเชยอย่างหนึ่ง ของโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรที่ทำครีมแตงกวาออกมาในระดับที่พอจะแข่งกับของนอกได้แต่ในราคาที่แตกต่างกันลิบลับ และก็น่าชมเชยอีกหลาย ๆ แห่งที่ที่ได้มีความพยายามเช่นนี้เช่นกัน
การผลิตสิ่งที่ไทยมีเพื่อที่จะให้คนไทยใช้นั้น น่าจะเป็นวัตถุประสงค์ต้น ๆ ของการพัฒนาใด ๆ ในสังคมเรา การทำครีมแตงกวา ต้องจากสารสกัดแตงกวาที่ปลูกในประเทศไทย ไม่ใช่ต้องใช้แต่สารสกัดแตงกวา ที่ต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ เจ้าสารสกัดแตงกวานี้เดินทางมาค่อนโลกแล้ว ค่อยนำมาผลิตในบ้านเรา แค่ค่าเดินทางของสารสกัดก็แพงโขแล้ว กว่าจะมาเป็นผลิตภัณฑ์เรา ก็ต้องจ่ายอีกมากทีเดียว ทำไมเราไม่ใช้อะไรที่สดกว่า ถูกกว่า ก็ปั่นแตงกวาใช้เองดีที่สุด